วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


5 keys to value investor +Buffet (คนอื่นสรุปมา)
1.กิจการนั้นเป็นกิจการที่ดีมั้ย คือ
-เป็นธุรกิจที่แข็งแกร่ง
-การเงินดี กระแสเงินสดดี ใช้เงินถูกต้องตามประเภท  หนี้สินน้อย
-มี barier to entry รายใหม่เข้ามาได้ยาก
-สินค้าไม่ล้าสมัย คือดูว่าในอนาคต คนยังจะใช้สินค้าของบริษัทอยู่มั้ย
-มี dca (durable competitive) ทำให้ไม่มีไม่เกิดการแข่งขันด้านราคา
-สินค้านั้นปรับราคาได้ตามเงินเฟ้อ
-ผู้บริหารที่ดี มีธรรมาภิบาล ผมเองดูง่ายๆ คือคนที่ไม่ได้ออกมาชี้นำหุ้นบ่อยๆ ไม่สนใจกับหุ้นมากเกินไป ไม่ซื้อขายหุ้น ไปๆมาๆ

2ก็มูลค่าที่แท้จริงของบริษัท

3.ก็คือราคาหุ้นเหมาะสมมั้ย คือถ้ารู้ว่ามูลค่าที่แท้จริงเป็นไง ก็จะรูละว่าเหมาะสมมั้ย

4.ตัวเร่ง ก็คือเรื่องของการควบรวมบริษัท การซื้อหุ้นคืน อื่นอีกหลายกรณี

5. margin of safety ก็คือส่วนต่างของความปลอดภัย
ก็ต้องรู้มูลค่าจริงและเทียบกัราคาหุ้นว่ามีส่วนต่างมากน้อยแค่ไหน
ถ้ายิ่งมากก็ยิ่งดี  40 50 %

หัวใจของการจัดการกับความเสี่ยงแต่ละเรื่องจึงต้องพิจารณาถึงเรื่องของ  
1) ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น  
2) ความเสียหายที่จะตามมา  
3) ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ  
4.)ต้นทุนของการจัดการกับความเสี่ยงนั้
คำถาม-คำตอบ
1. เพราะเหตุใด เวลาน้ำมันแพง ธุรกิจค้าปลีกจึงมี Margin
- ธุรกิจค้าปลีกน่าจะรักษา margin ได้ครับ  เพราะลูกค้ามีแต่รายเล็ก  จำนวนมากราย   จึงไม่มีอำนาจต่อรอง
  ดังนั้น  ค้าปลีกจะสามารถผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้ลูกค้าได้เต็มๆ ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้นคงมีบ้าง  เป็น
  ผลพลอยได้  แต่คงไม่ถึงกับมากนัก   เป็นผลจากการที่ margin เป็น % เท่าเดิม  แต่ margin เป็นตัวเงินเพิ่ม
  เช่น  ปกติ net margin 4%
  เดิม ขาย 100  กำไร 4 บาท 
  หากต้นทุนสินค้าเพิ่ม 10%  ขาย 110  กำไร 4% เท่าเดิม  แต่กำไรเป็นตัวเงินจะเป็น 4.4 บาท   ซึ่งเพิ่มขึ้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.หลักการบริหาพอร์ตแบบของผมน่ะครับ..(ที่จำๆ มาและท่องไว้ๆๆ)
สมมติ  คิดจะซื้อหุ้น 1 ตัวเพิ่มจากที่มีอยู่
สมมติว่า ประเมินมูลค่าที่ควรจะเป็นของมันได้ และสูงกว่าราคาที่ซื้อมา โดยมีส่วนเผื่อปลอดภัยประมาณ 20%
  หุ้น   จำนวน    EPS    SES   BV  Cost    Mrk.
  A      200       6        70   30     60      55
  B      300       2.5      25   10     15      16
  พอร์ต เป็นดังนี้
      ยอดขายทั้งสิ้น          14000+7500  =  21500  บาท
          ได้กำไร                1200+  750  =    1950  บาท
      ส่วนของจ้าของ           6000+3000  =    9000  บาท
          ต้นทุน                12000+4500  =  16500  บาท
          ราคาตลาด           11000+4800  =  15800  บาท
     ผลตอบแทน   P/E      15800 / 1950 =  8.1
                       P/BV    15800 / 9000 =  1.8
                       ROE       1950 / 9000 =  21.7%
            Yearly Return     1950 / 16500 = 11.8%
 หากเป็นเช่นนี้  ผมก็จะซื้อหุ้น ที่ เมื่อนำราคา และผลกำไรมาคิดรวมแล้วทำให้ ROE ผมสูงขึ้น Yr. Return ผมสูงขึ้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3.สมมติว่าบริษัทมีหุ้นอยู่ 1,000,000 ล้านหุ้น 
มี Equity = 1,000,000 บาท 
มี Debt = 1,000,000 บาท 
เพราะฉะนั้น Total Asset = Debt + Equity = 2,000,000 บาท 

มูลค่าหุ้นทางบัญชี (Book Value) 
(1,000,000 / 1,000,000 = 1) ไม่นับหนี้
 หากปัจจุบันหุ้นของบริษัทนี้ซื้อขายกันอยู่ที่ราคา 4 บาท (P/BV = 1)
ถ้า BV มีค่าใกล้กับ Market price ของสินทรัพย์ในงบดุลของบริษัท ส่วน premium ในตลาดที่เกินมาคือ PV ของกำไรที่ตลาดคาดหวังในอนาคตเฉพาะในส่วนที่เกิน cost of capital 
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4.การหาค่าเกี่ยวกับกระแสเงินสด มีความหมายว่าอย่างไร
- กระแสเงินสด คือเงินที่ บ ได้รับเข้ามาเป็นเงินสด หักที่จ่ายไปเป็นเงินสดจริง 
  มี 3ส่วน คือกระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน จากการลงทุน จากการจัดหาเงินทุน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5.อัตราการเติบโตของกำไรมีส่วนสัมพันธ์กับอัตราการจ่ายปันผลยังไ 
ถ้าสัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่เปลี่ยนแปลงจะได้ว่า 
g = r x ROE 
g = อัตราการเติบโตของกำไร 
r = retention ratio = 1-เงินปันผล/กำไร 
ROE = return on equity = กำไรสุทธิ/ส่วนของเจ้าของ 


เช่น บริษัทที่กำไรเติบโตปีละ 15% และมี ROE 10% จะมี r = 66% อัตราเงินปันผลที่เหมาะสมของบริษัทควรจะอยู่ที 33% ของกำไรครับ 

ถ้าจ่ายออกมาน้อยกว่านี้แสดงว่าบริษัทอมเงิน ถ้าจ่ายมากกว่านี้แต่สามารถโตเท่าตามเป้า แสดงว่าพื้นฐานของบริษัทกำไรจะดีขึ้น (ROE กำลังเพิ่ม)

----------------------------------------------------------------------
6.บริษัทควรมีหนี้เงินกู้บ้าง เพราะอะไร ?
สมมติว่า บริษัท A ทำกำไรปีหนึ่งได้ 10 บาท แต่การที่จะทำอย่างนั้นได้ A ต้องการเงินทุนที่ 100 บาท ทีนี้กรณีแรกนะครับสมมติว่าทั้ง 100 บาทมาจากส่วนของผู้ถือหุ้นเท่านั้น ไม่มีหนี้เลย ROE1 = 10/100 = 10% ทีนี้นะครับสมมติว่าทุกอย่างเหมือนเดิมแต่คราวนี้บริษัท A กู้มา 50 บาท และใช้เงินในส่วนของผู้ถือหุ้น 50 บาท ROE จะเป็นเท่าไหร่ ROE2 =  10/50 = 20%

หุ้นวัฏจักร   
1. Economic cyclical   พวกนี้จะขึ้นลงตามวัฎจักรเศรษฐกิจ   เช่น  รถยนต์  อสังหาฯ  วัสดุก่อสร้าง  ไฟแนนซ์  ฯลฯ
2.Commodity cyclical   เช่น  ปิโตรฯ  น้ำมัน  เรือ  แร่ธาตุ   ฯลฯ   พวกนี้จะขึ้นกับเศรษฐกิจด้วยจะมีผลต่อ demand   แต่ก็จะขึ้นกับด้าน supply ด้วย

หุ้นวัฎุจักรที่เป็น economic cyclical  จะวิเคราะห์ง่ายกว่า commodity ครับ  เพราะ commodity จะต้องวิเคราะห์ให้ถูกทั้ง supply และ demand


หุ้นวัฏจักรถึงจุด peak    P/E ต่ำติดดิน 2 หรือ 3 เท่าเอง  volume มหาศาล
ถ้าจุด bottom   P/E สูงลิ่ว... volume ไม่ค่อยจะมี

cyclical stock p/e ตํ่าหมายถึงจุดอิ่มตัวในขณะที่  หุ้นทั่วไป  อาจหมายถึง ระยะคืนทุนที่เร็วและดี
Link ข้อมูลความรู้
1.แบงค์ชาติ : http://www.bot.or.th/Thai/Pages/BOTDefault.aspx

การคำนวณสูตร
1. valuation formula : http://www.valuatum.com/tutorials/keyfig.shtml

หนังสือน่าอ่าน
1.หนังสือกลยุทธ์ทางการตลาด อัลรีส (Al Ries)  และ แจ๊คเทร้าท์ (Jack Trout)
2.The Intelligent Investor
3.Common Stocks and Uncommon Profits
4.The Random Walk Down Wall Street
5.Random Walk
6.


สูตร
1.GYP (Growth & Yield:P/E) ratio =
           (Earnings Growth + Dividend Yield) / P/E ratio
2.return on assets (ROA)     return on assets equals (revenues minus expenses) divided by assets.
3.return on equity (ROE)      return on assets equals (revenues minus expenses) divided by equity.
4.return on capital (ROC)    
   return on assets equals (revenues minus expenses) divided by capital.,
5.RORAC


   
6.  กำไร = รายได้ – ต้นทุน
7.Contribution Margin  รายได้-ต้นทุนผันแปร
8.เงินทุนหมุนเวียน (Working Capital)=สินทรัพย์หมุนเวียน-หนี้สินหมุนเวียน
9.ต้นทุนเงินทุน=(สัดส่วนเงินกู้(%) xดอกเบี้ยเงินกู้)+(สัดส่วนเงินทุน(%)xผลตอบแทนที่คาดหวัง)
10. อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้า = รายได้ / ลูกหนี้การค้า
11.ระยะเวลาที่เก็บเงินได้ = 365 วัน / อัตรา ส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้า
12.อัตราส่วนหมุนเวียนสินค้าคงเหลือ = ต้นทุน สินค้าขาย / สินค้าคงเหลือ
13.ระยะเวลาที่เก็บสินค้าคงเหลือจนเป็นรายได้ = 365 วัน / อัตรา ส่วนหมุนเวียนสินค้าคงเหลือ
14.ROA = EBIT / Average Total Assets
ROA = กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษี / สินทรัพย์รวมเฉลี่ย
15.Profit Margin = กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษี / ราย ได้รวม
16.Assets Turnovers = รายได้รวม / สินทรัพย์รวม
ค่านี้ใช้วัดประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ว่าสินทรัพย์ที่มีทั้งหมดสามารถนำ มาสร้างรายได้ได้เท่าไร
17. ROA = Profit Margin x Assets Turnovers
18.ส่วนต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ย 
           สัดส่วนเงินกู้ x อัตราดอกเบี้ย สัดส่วนทุนจากผู้ถือหุ้น ผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาด หวัง
19.ROE = Net income / Share holder’s Equity (กำไรสุทธิ / ส่วน ผู้ถือหุ้น)
ROE = (EBIT/Assets) x (Net Income/EBIT) x (Assets/Shareholder’ Equity)
ROE = ROA x Common Earning Leverage x Capital structure Leverage
20.กำไรสุทธิ Net income EBIT – ดอกเบี้ยจ่าย  ภาษี
21.CEL = (Net Income/EBIT)
22.CSL = (Assets/Shareholder’ Equity)
23.มูลค่าของสินทรัพย์ = – เงินลงทุนเริ่มแรก กระแสเงินสดในอนาคต x (อัตราการ เติบโต)
- ต้นทุนของเงินลงทุน – ความไม่แน่นอน
24.PBV = ราคาหุ้นปัจจุบัน / มุลค่าทางบัญชี 
25.












วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

แนวคิดของคนรวยจากหุ้น

"เนื้อธุรกิจ" (ปัจจัยพื้นฐาน) ของหุ้นตัวนั้น ถ้าดูแล้วเห็นว่าบริษัทนั้นโมเดลธุรกิจไม่ยุ่งยากซับซ้อนจนเกินไป ไม่เหนื่อย!! ที่จะทำความรู้จัก ก็จะเข้าไปซื้อไว้ในจำนวนที่น้อยๆ ก่อน
 "ผมจะเข้าไปซื้อมาส่วนหนึ่งราวๆ ไม่กี่หมื่นบาท อย่างน้อยเพื่อให้เรามีสิทธิเข้าประชุมผู้ถือหุ้น จากนั้นก็ไปศึกษาธุรกิจอย่างละเอียด ถ้าหุ้นดีจริงจะทยอยซื้อเพิ่มเติมในจำนวนที่มากขึ้น โดยไม่มีกำหนดว่าต้องซื้อทั้งหมดเท่าไร (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์) ตรงกันข้ามหากสัญญาณเทคนิคมา แต่เนื้อธุรกิจยุ่งยากเกินไป ผมจะไม่ซื้อ ปล่อยผ่านไปเลย"
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“โอกาสทำกำไรดีๆมักจะเกิดหลังจากการตื่นตระนก(Panic)ของตลาด”
-จอห์น เนฟฟ์ (JOHN NEFF)
ลักษณะงาน ผู้จัดการกองทุน Vanguard Windsor
เนฟฟ์จะใช้หลักการง่ายๆเพื่อเลือกลงทุน 7 ประการดังนี้
1.อัตราส่วน P/E ต่ำ
2.อัตราการเติบโตของกำไรสูงกว่า 7% ขึ้นไป
3.มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ และเพิ่มขึ้นตลอด
4.ผลตอบแทนที่ได้รับจะต้องสูงกว่าอัตราส่วน P/E
5.ไม่เป็นธุรกิจที่ขึ้นลงตามรอบที่กำลังจะลง โดยปราศจากการลดลงของอัตราส่วน P/E ที่ต่ำพอจนน่าลงทุน
6. เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในการสร้างการเติบโต
7. เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งเหมาะกับการลงทุน
มีเหตุผลเบื้องต้น2ประการในการตัดสินใจขายหุ้น 
1.พื้นฐานเริ่มเลวลง 2. ราคาขึ้นมาสูงถึงจุดที่ต้องการแล้ว

หลักในการตรวจสอบหุ้นที่ถืออยู่คือการตรวจสอบอัตราการเติบโต ควรจะเป็น5ปีเป็นอย่างน้อย หากว่าอัตราการเติบโตเริ่มถดถอยลงให้รีบขายออก
ให้ ความสำคัญกับอัตราส่วนGYPในportของเรามากกว่าของตลาด หากตลาดขึ้นสูงมากจนราคาหุ้นที่ต้องการสูงจนเกินไปก็ควรจะถือเงินสดไว้ ประมาณ20%ของทุนทั้งหมดจนกว่าจะพบโอกาสดีอีกครั้ง
โอกาสทำกำไรดีๆมักจะเกิดหลังจากการตื่นตระนก(Panic)ของตลาด
---------------------------------------------------------------------------------------------

WILLIAM O’NEIL

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร William O’Neil and Company เป็นบริษัทที่ปรึกษาตั้งอยู่ที่ลอสเองเจอริส อเมริกา
สไตล์การลงทุน ลงทุนในหุ้นโตเร็ว ถือหุ้นในระยะกลาง 2 – 5 ปี
มองหาหุ้นที่โตเร็วที่มีศักยภาพในการที่ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง” นั้นคือ ซื้อหุ้นเมื่อบริษัทแข็งแกร่ง ขายออกเมื่อบริษัทอ่อนแอลง
เขาแนะนำนักลงทุนให้ใช้แนวทาง 7ประการในการลงทุน โดยมีตัวย่อ C-A-N-S-L-I-M ดังนี้
C = ผลกำไรไตรมาสก่อน (Current quarterly earnings)
มองหาบริษัทมีเพิ่งประกาศผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 40 – 500%
A = กำไรต่อปีเพิ่มขึ้น (Annual earnings increases)
มอง หาบริษัทที่มีความเติบโตติดต่อกันห้าปี โดยมีอัตราเติบโตที่ไม่ต่ำกว่า 25%ต่อปี ถ้าหุ้นมีลักษณะอย่างนี้เราไม่จำเป็นต้องสนใจ PE Ratio ซึ่งช่วงของ PE อาจจะอยู่ที่ 20 ขึ้นไป
N = สินค้าใหม่ ทีมบริหารใหม่ จุดสูงสุดใหม่ (New products, new management, new highs)
หุ้น ที่ดีมักจะมีเรื่องราวใหม่ๆอยู่เบื้องหลังมัน เช่น สินค้าใหม่ที่น่าสนใจ หรือ ผู้บริหารคนใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดจุดสูงสุดใหม่
S = อุปสงค์ และ อุปทาน (Supply and demand)
หากหุ้นที่มีขนาดเล็กมีปริมาณการซื้อขายสูงๆ จะทำให้โอกาสที่ราคาหุ้นจะถูกขับเคลื่อนสูงขึ้นได้
L = ผู้นำ และ ผู้ตาม (Leaders and laggards)
เลือก ลงทุนในหุ้นที่มีความเข้มแข็งในอันดับต้นของหมวดนั้นๆซัก 2 -3 บริษัท หุ้นเหล่านี้มักจะปรับตัวดีกว่าหุ้นอื่นๆในหมวดเดียวกันในอัตรา 80 – 90% ภายใน 12 เดือน อยู่ให้ห่างหุ้นที่ปรับตัวแย่ลงในระยะ 7 เดือน
I = ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบัน (Institutional sponsorship)
หา ให้ได้ว่าหุ้นตัวใดที่นักลงทุนสถาบันนิยมซื้อ หากเป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนดีและนักลงทุนสถาบันยังมีอยู่น้อย เราอาจจะนำมาเป็นหุ้นที่เราจะเข้าซื้อ
M = ทิศทางของตลาด (Market direction)
ตรวจสอบตลาดทุกวันเพื่อหาสัญณาณของการปรับตัวลง และให้ระวังการเข้าซื้อในขณะนั้น
ตัดขาดทุน เขาแนะนำให้ทำการขายหุ้นออกเมื่อหุ้นนั้นตกลงต่ำกว่า 7-8% จากราคาที่ซื้อมาโดยไม่ต้องมีคำถาม
ขายหุ้นที่ขึ้นไม่ถึง 20%ภายใน13 สัปดาห์ ให้ถือหุ้นที่ขึ้นเกิน 20% ภายใน 4 – 5 สัปดาห์ หุ้นพวกนี้มักจะเป็นหุ้นที่ทำกำไรมากที่สุด
ใน กรณีที่หุ้นที่คุณซื้อมาและมีการปรับตัวขึ้น 25%อย่างรวดเร็วภายใน 1-2สัปดาห์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าอาจจะมีข่าวดีทำให้นักลงทุนในตลาดแห่กันเข้าเก็บ หุ้นอย่างเร่งร้อน เราควรรีบทำกำไรในช่วงนี้.
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ปีเตอร์ ลินซ์ (PETER LYNCH)

ลงทุนในหุ้น ที่มีลักษณะโดดเด่นหลายชนิด โดยอาศัยการเจริญเติบโตและการฟื้นตัวของธุรกิจ จะถือหุ้นเป็นระยะเวลาตั้งแต่หลายเดือนจนบางครั้งนานเป็นปี


วิธีการและแนวทางในการลงทุน
อันดับแรก เปิดหูเปิดตาให้กว้างเพื่อรับฟังแนวคิดใหม่ๆ
แนว คิดหลักของลินซ์คือ เราสามารถเลือกลงทุนได้จากสิ่งรอบตัวเรา เช่นถ้าเราเลือกที่จะสนใจในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจอยู่แล้ว อาจจะเป็นร้านอาหาร ร้านค้า หรือแม้แต่การสังเกตเพื่อนบ้านที่กำลังถอยรถใหม่ออกมา หรือเห็นโรงงานข้างทางกำลังขยายโรงงาน สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นตัวช่วยให้เราเลือกลงทุนกับบริษัทเหล่านั้นได้อย่าง เหมาะสม.
แหล่งข้อมูลที่คุณสามารถหาได้ดีที่สุด :
งานของคุณ ซึ่งมันทำให้คุณคุ้นเคยกับธุรกิจ และคุณสามารถเข้าใจลูกค้า และผู้ขายวัตถุดิบอยู่แล้ว เช่นหากคุณเป็นแพทย์ คุณจะเข้าใจโรงพยาบาล เข้าใจผู้ป่วย และบริษัทเวชภัณฑ์ ว่าเขาทั้งหมดต้องการอะไร และโรงพยาบาล และบริษัทเวชภัณฑ์สามารถสนองความต้องการของผู้ป่วยได้หรือไม่
งานอดิเรกและ การพักผ่อนของคุณ เช่นกีฬาที่เล่น สถานที่ที่เล่น ห้างสรรพสินค้าและสินค้าที่คุณ และเพื่อนๆของคุณนิยมซื้อกัน
ครอบครัวของคุณและของเพื่อนฝูง พวกเขาก็จะมีงานและงานอดิเรกของเขาซึ่งคุณสอบถามข้อมูลจากเขาได้
การสังเกต และประสบการณ์ของคุณที่มีต่อบริษัทที่คุณรู้จัก
อันดับที่สอง จัดหมวดหมู่ความคิดของคุณ
บริษัทต่างๆสามารถจัดประเภทได้ 6 ประเภทหลักๆ ดังนี้
  • ประเภทอุ้ยอ้าย (Slow growers) การเติบโตของกำไรจะสุงกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเล็กน้อย ประมาณ 2-4% ต่อปี
  • ประเภทแข็งแกร่ง(Stalwarts) บริษัทที่ดีมีอัตราการเติบโตประมาณ 10-20% ต่อปี -
    ประเภทโตเร็ว (Fast growers) บริษัทเล็กๆที่มีอัตราการเติบโตที่สูงมากประมาณ 20 -25% ต่อปี
  • ประเภทขึ้นลงตามวัฎจักร (Cyclicals) บริษัทที่กำไรขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจ -
    ประเภทเริ่มฟื้นตัว (Turnarounds) บริษัทที่ประสบปัญหา แต่มีสัญญาณแห่งการฟื้นตัวที่ชัดเจน
  • ประเภท สินทรัพย์แฝง (Asset plays) บริษัทที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าของสินทรัพย์ หรือมูลค่าตามบัญชีที่เราทราบแต่อีกหลายคนในตลาดยังไม่ทราบ เช่นที่ดินที่มีอยู่อาจมีมูลค่าสูงมาก ในบริษัทประกันภัยที่ตั้งสำรองเงินประกันสูงๆ
ที่มา : One Up on Wall Street, P Lynch, 1989
ใช้ ความพยายามที่มีอยู่ในการหาหุ้นประเภทโตเร็ว เพราะหากซื้อที่ราคาที่เหมาะสมอาจทำให้เราได้รับผลตอบแทนสูงถึงสิบเท่าตัว นอกจากนั้นให้มองหาหุ้นประเภทกำลังฟื้นตัว และบางครั้งควรเป็นประเภทมีสินทรัพย์แฝง.
อย่าถือเงินสด ทางที่ดีคือนำเงินสดที่เหลืออยู่ไปลงทุนในหุ้นประเภทที่แข็งแกร่ง (Stalwarts) เพราะคุณจะไม่พลาดเมื่อตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
หลีกเลี่ยง หุ้นประเภทอุ้ยอ้าย(กำไรน้อยเกินไป) กับหุ้นประเภทขึ้นลงตามวัฎจักรที่กำลังแย่ลง
อันดับที่สาม สรุปเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับบริษัทที่เลือกได้
  • เหตุผลที่สนใจในบริษัทนี้
  • อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้บริษัทนี้ประสบความสำเร็จ
  • อุปสรรค ที่จะทำให้บริษัทล้มเหลวได้ ต้องแน่ใจว่าเรื่องราวเกี่ยวกับบริษัทนั้น ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ถูกต้อง เชื่อถือได้ และสามารถจัดลงในประเภทดังที่กล่าวมาแล้ว ตัวอย่างคำถามง่ายๆที่ควรจะถามตัวเองเสมอเช่น”ถ้าบริษัทนี้จัดเป็นประเภทโต เร็ว แล้วสิ่งใดเป็นตัวที่ทำให้มันเติบโตอย่างต่อเนื่อง?
อันดับที่สี่ ตรวจสอบตัวเลขที่สำคัญ Fourthly, check the key numbers.
  • ถ้าคุณสนใจในสินค้าและบริการใดในบริษัท ให้ตรวจสอบว่ายอดขายต้องมากเท่าไรจึงจะสามารถมีกำไรในจำนวนมากได้ (ตรวจสอบ Profit Margin)
  • ให้ความสำคัญกับบริษัทที่อัตราส่วน P/E ต่ำกว่าอัตราการเจริญเติบโตของกำไรต่อหุ้น (ให้ตรวจสอบ PEG)
  • ให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีเงินสดจำนวนมากพอที่จะทำให้ธุรกิจแข็งแกร่ง
  • ให้ ระวังบริษัทที่มีหนี้สินต่อทุนสูง(D/E หรือ Gearing สูง) โดยเฉพาะหนี้ที่มาจากวงเงินเบิกเกินบัญชี ซึ่งจะต้องจ่ายเมื่อถูกทวงถาม ซึ่งไม่เหมือนกับหุ้นกู้ที่มีระยะเวลากำหนดแน่นอน(ถ้าเป็นหนี้ชนิดหุ้นกู้จะ ดีกว่าเพราะตราบใดที่ยังจ่ายดอกเบี้ยได้ เจ้าหนี้จะเอาเงินคืนก่อนกำหนดไม่ได้)
  • หากเป็นบริษัทประเภทแข็ง แกร่งหรือโตเร็ว ให้เลือกบริษัทที่มีกำไรก่อนภาษีสูงๆ หากเป็นบริษัทประเภทเริ่มฟื้นตัว ให้เลือกบริษัทที่ราคาต่ำแต่มีศักยภาพที่จะกลับมาสูง.
อันดับที่ห้า ไม่ต้องไปสนใจการขึ้นลงของตลาด ให้ใช้เหตุผลในการซื้อขายเท่านั้น
  • จำ ไว้เสมอว่า กำไรขาดทุนที่จะได้รับไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมแต่จะขึ้นอยู่กับ ปัจจัยเฉพาะของธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่ ดังนั้นไม่ต้องไปสนใจการขึ้นลงของตลาดหุ้น .
  • ซื้อหุ้นเมื่อแน่ใจในเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง ที่ราคาที่เหมาะสม ลงทุนเต็มที่ตลอดเวลา
  • ขายหุ้นประเภทแข็งแกร่ง เมื่อ PEG สูงประมาณ 1.2 – 1.4 หรือเห็นแนวโน้มว่าการเติบโตเริ่มลดลง
  • ขาย หุ้นประเภทโตเร็ว เมื่อเห็นสัญญาณว่าจะไม่มีทางขยายการลงทุนได้อีกแล้ว หรือการขยายกิจการนั้นเริ่มทำให้การขยายตัวลดลง หรือเมื่อ PEG สูงประมาณ 1.5 – 2.0
  • ขายหุ้นประเภทมีสินทรัพย์แฝง เมื่อมีการซื้อกิจการเกิดขึ้น หรือเมื่อกิจการขายสินทรัพย์ได้ต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฟิลลิป ฟิชเชอร์ (PHILIP A. FISHER)

ลักษณะงาน
ที่ปรึกษาการลงทุนในบริษัทของเขาเอง
รูปแบบการลงทุน
เป็นนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีโดยการซื้อและถือยาวมาก
เขาจะเชี่ยวชาญในการลงทุนในธุรกิจที่เขารู้จักดี ซึ่งมักจะเป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆที่ได้จากการวิจัยและ พัฒนาของบริษัท เขาเริ่มใช้กลยุทธ์การลงทุนนี้ก่อนการเกิดของ Silicon Valley ถึง 40 ปี.
บริษัทที่เขามักแนะนำให้ลูกค้าซื้อมักเป็นบริษัท Low-tech เช่นบริษัทเคมีภัณฑ์ใหญ่ๆ หรือบริษัทผลิตเครื่องจักรอาหาร หลังจากนั้นเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นนักลงทุนที่เห็นถึงคุณค่าของหุ้นในกลุ่ม Hi-techอย่าง Motorola และ Texas Instruments
ขณะที่เขามีอายุได้ 90ปี เขายังคงทำงานในลักษณะเดิมอย่างที่เคยทำ เขาเป็นคนที่ใช้เหตุผล และยึดหลักปฎิบัติอย่างเข้มงวด เขาเป็นคนเดียวที่จะเลือกลงทุนในบริษัทที่เขาได้ทำการศึกษาอย่างละเอียดรอบ ครอบ โดยศึกษาจากแหล่งความรู้ต่างๆ การสัมภาษณ์ผู้บริหารและคู่แข่งของบริษัท และสิ่งนี้ทำให้เขาเข้าถึงมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทได้ก่อนใคร
ความสำเร็จที่สำคัญ
ฟิชเชอร์ ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท เท็กซัส อินสทรูเม้นต์ ในปี 1956 นานมากก่อนที่บริษัทนี้จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในปี1970 ราคาเมื่อเริ่มซื้อขายที่ 2.7 เหรียล และหลังจากนั้นราคาก็ขึ้นไปถึง 200 เหรียล เพิ่มขึ้น 7400% โดยที่ไม่เคยจ่ายปันผลเลย เขาได้รับผลตอบแทนที่สูงมากจากการลงทุนในบริษัทนี้

วิธีการ และแนวทางในการลงทุน Methods and guidelines
ให้ความสนใจในหุ้นบริษัทใหม่ที่มีการเติบโต (Young growth stock)
เพื่อให้ได้มาซึ่งความชัดเจน นักลงทุนควร
อ่านข้อมูลทุกอย่างที่หาได้ ทั้งจากวารสาร รายงานของบริษัทหลักทรัพย์
สนทนากับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจการ เช่นผู้จัดการ พนักงาน โดยเฉพาะกับผู้ป้อนวัตถุดิบ ลูกค้า คู่แข่ง
เยี่ยมชม สถานที่ทำงานในจุดต่างๆของบริษัทเช่นโรงงาน สาขา ถ้าเป็นไปได้ ไม่ควรไปแค่สำนักงานใหญ่
ก่อนที่จะซื้อหุ้นของบริษัทนั้นๆ จะต้องแน่ใจว่าสามารถตอบคำถามทั้ง15ข้อดังต่อไปนี้ได้

1.บริษัทนี้มีสินค้า หรือบริการที่มีศักยภาพทางการตลาด ที่สามารถทำยอดขายให้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในอีกหลายๆปีข้างหน้าได้หรือไม่?
2.ผู้ บริหารของบริษัทมีแนวทางในการพัฒนาสินค้าใหม่ หรือขบวนการใหม่ๆที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการขายสินค้า ในขณะที่สิ้นค้าชนิดเดิมก็ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตที่สูง
3.การวิจัยและพัฒนาของบริษัทมีประสิทธิภาพมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับขนาดของบริษัท?
4.บริษัทนี้มีหน่วยงานขายที่อยู่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่?
5.บริษัทนี้มีกำไรขั้นต้นสูงหรือไม่ ?
6.บริษัทมีกลยุทธ์อะไรในการรักษาหรือเพิ่มกำไรขั้นต้นให้สูงขึ้น?
7.บริษัทมีหน่วยงานแรงงานสัมพันธ์ที่ดีหรือไม่?
8.ผู้บริหารภายในบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันหรือไม่
9.การจัดการของบริษัทมีความซับซ้อนหรือไม่
10.บริษัทมีการวิเคราะห์และควบคุมต้นทุน และบัญชีดีแค่ไหน
11.บริษัทมีแนวทางในการสร้างความแตกต่างของสินค้าและบริการเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันอย่างไร
12.บริษัทมีทัศนะทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อการทำกำไรของบริษัทอย่างไร?
13.ใน อนาคตที่ไม่สามารถคาดเดาได้นั้น หากบริษัทต้องการเงินทุนด้วนการระดมทุนเพิ่มเพิ่มเพื่อสร้างการเติบโตให้สูง ขึ้น การที่มีหุ้นเพิ่มสูงขึ้นจะกระทบผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นมากน้อยอย่างไร?
14.ให้สังเกตว่า เมื่อยามที่กิจการไปได้ดีผู้บริหารของบริษัทยินดีที่จะพูดคุยอย่างตรงไปตรง มากับนักลงทุน แต่ในยามที่มีเหตูการเลวร้ายผู้บริหารจะหายตัวไปหรือไม่?
15.บริษัทมีผู้บริหารที่ซื่อสัตย์หรือไม่
ที่มา : Common Stocks and Uncommon Profits, P Fisher, 1958
- เขามีเหตุผลเพียงสามประการที่จะตัดสินใจขายหุ้นออก
- เกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในการวิเคราะห์หุ้นที่ซื้อมาแล้ว
- บริษัทนั้นมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถผ่านหลักเกณฑ์ทั้ง15ข้างต้นได้เหมือนที่เคยเป็น
- สามารที่จะนำเงินลงทุนในบริษัทเดิมไปลงทุนในบริษัทอื่นที่สามารถสร้างผลตอบ แทนได้สูงกว่ามากๆ และก่อนจะตัดสินใจลงไปต้องแน่ใจว่ามีเหตุผลที่หนักแน่นพอ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
หุ้นในธุรกิจที่เป็นวัฏจักรนั้น ท่านบอกว่าท่านหลีกเลี่ยง เพราะว่ากำไรที่เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดสดใสนั้น ไม่ใช่สภาวะปกติที่มันควรจะเป็น สิ่งที่มันควรจะเป็นต้องเป็นในช่วงที่สภาวะทุกอย่างมันไม่ได้เฟื่องฟูจนเกิน เหตุ บริษัทไหนในช่วงวิกฤติอยู่ได้และมีกำไรนั่นแหละเป็นสภาวะปกติ แต่ถ้าในช่วงนั้นย่ำแย่ก็ให้รู้ไว้ว่า นั่นก็คือสภาวะจริงๆของมันเช่นกัน ส่วนนี้เมื่อเทียบกับตัวเราได้เช่นกัน
















สิ่งที่น่ารู้
1. ทุนจดทะเบียนสูงๆ  ใช้ในกรณีรับงานครับ  การจดในรูปบริษัทจะถูกจำกัดการรับผิดชอบหนี้ 
   ตามทุนจดทะเบียน ดังนั้นสมมุติคุณเป็นผู้ว่าจ้าง จะจ้างงานระดับ 100ล้าน แต่บริษัทมีทุน  
   จดทะเบียนแค่แสนเดียวและมีกำไรสะสมอีกไม่กี่หมื่น ไอ้อย่างงี้ถ้าผู้รับจ้างทิ้งงานผู้ว่าจ้างก็ 
   ฟ้องได้แต่ตามทุนที่มี เกินกว่านั้นก็หนี้สูญไงครับ  
2.ทุนชำระแล้ว จะอยู่ในทรัพย์สินบริษัท(ใส่ทุนเข้ามาเงินสดเพิ่มขึ้น) แต่ถ้ายังไม่
  ชำระก็หมายความว่าเงินบางส่วนยังไม่ได้ลงมาในบริษัท ถ้าการดำเนินการเป็นปกติอยู่ก็ไม่
  เป็นผลอะไร แต่ถ้ามีการฟ้องร้องเรียกชำระหนี้ ผู้ถือหุ้นจะต้องชำระหนี้ตามส่วนที่ยังไม่ได้มี
  การชำระทุน ยกตัวอย่างเช่น ราคาหน้าตั๋ว 10 บาท แต่คุณชำระแล้ว 4 บาท ถ้ามีการเรียก
  หนี้ คุณต้องควักอีกหกบาทออกมาชำระด้วย แต่สำหรับหุ้นที่จดทะเบียนคุณไม่ต้องไปกังวล
  เพราะราคาที่คุณจ่ายในการซื้อหุ้นนั้นเป็นการซื้อเต็มราคาหน้าตั๋ว
3.ทุนจดทะเบียนช่วยให้เราทราบว่า บริษัท ยังสามารถออกหุ้นได้อีก xx หุ้น (มีสำรองไว้) 
  แต่หากต้องการออกหุ้นจำนวนมากกว่านี้ บริษัท จะต้องทำการ เพิ่มทุน(จดทะเบียน) ซึ่ง 
  อย่างน้อย ต้องได้คะแนนเสียงจาก ผู้ถือหุ้นไม่น้่อยกว่า 3/4 และมีขั้นตอนอื่นๆอีก 

หนังสือที่เกี่ยวข้องการลงทุน
1.หน้งสือ เรื่อง Value investing From Graham to Buffet and Beyond
2."ตีแตก" ของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
3.The New Buffettology
4.หนังสือของ Peter Lynch 2 เล่ม 
5.การวิเคราะห์งบการเงิน มิติใหม่ของงบการเงินและการวิเคราะห์ของ ดร.วรศักดิ์ 
6.Financial statment Analysis ของ Ben Graham
7.รายงานประจำปีของ Buffett partnership สิบปีติดต่อกัน จนถึงปีสุดท้าย 1969
8.The Magic of Thinking Big  ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 
9. Beating the Stock Market by R. W. McNeel
10.The Davis Dynasty by John Rothchild
11.King Icahn : The Biography of Renegade Capitalist
12.Books: J. K. Lasser's Pick Stocks Like Warren Buffett
13.The Psychology of Investing โดย John R. Nofsinger
14.No Bull โดย Michael Steinhardt
15.Book : The Aggressive Conservative Investor
16.HOW BUFFETT DOES IT: 24 SIMPLE INVESTING STRATEGIES FROM THE 
    WORLD'S GREATEST VALUE INVESTOR
17.7 มังกร 20 มายาท ผู้กุมประเทศไทย
18.มหาลัยลูกหนัง
19.Value Investing - A Balanced Approach (Martin J. Whitman)
20.การเดินตามรอยพระยุคลบาท เศรษฐกิจพอเพียง
21.เศรษฐวิบัติ (THE RETURN OF DEPRESSION ECONOMICS) : PAUL KRUGMAN 
22.ขี่กระทิง..วิ่งราวเซียน ผู้แต่ง : ตะวัน สุรัติเจริญสุข
23.Pour Your Heart into It : How Starbucks Built a Company One Cup at a Time
24.รอยพระยุคลบาท บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
25.Game Theory At Work
26.What I Learned Before I Sold to Warren Buffett
27.the fall of thai banking
28.The Little Book of Value Investing
29.แนะนำหนังสือ As The Future Catches You
30.ฮอนด้า โซอิจิโร ชายผู้สร้างความฝันให้เป็นความจริง
31.นิตยสารมอเตอร์มาร์ต รายปักษ์เดือนละสองฉบับ :สุภัทร ทิสาพงศ์
32.Warren Buffet speaks by Janet Lowe
33.The Eassays Of Warren Buffett: Lessons for corporate American
34.โลกประกันชีวิต
35.Battling the 4th Wave โต้คลื่นลูกที่ 4 เมื่อ "ความพอเพียง" คือคำตอบ ของ ดร.ไสว บุญมา 
36.ยิ่งกว่าสุข เมื่อจิตเป็นอิสระ ดร.สนอง วรอุไร
37.The Power of Thinking Without Thinking
38.Financial Freedom
39."A Weekend with Warren Buffett and Other Shareholder Meeting Adventures" 
     เขียนโดย Randy Cepuch 
40.เศรษฐศาสตร์ในกรุงเทพมหานคร
41.กลุ่มทุน-ธุรกิจครอบครัวไทยก่อนและหลังวิกฤต 2540 
42.การต่อสู้ของทุนไทย เล่ม 1
43.การต่อสู้ของทุนไทย เล่มสอง การเมือง วัฒนธรรม และความอยู่รอด 
44.Of Permanent Value เขียนโดย Andrew Kilpatrick
    - Warren Buffett : The Good Guy of Wall Street
45.หลักการพนัน :  มองการพนันผ่านหลักของความน่าจะเป็น : นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
46.How to Think Like Benjamin Graham and Invest Like Warren Buf
47.Blue Ocean Strategy
48."เงินไหลมา" โดยอาจารย์ วรากรณ์ สามโกเศศ
49.Brand Instrument : BrandAge Essential 
50.New Concept : BrandAge Essential
51.P Number 3-Modern Trade : BrandAge Essential 
52.The Blueprint : BrandAge Essential 
53.รวยหุ้นอย่างพอเพียง : หนังสือ ดร.นิเวศน์
54.Small is beautiful
55.7Values ครับ
56.The world is flat
57.แก่นพุทธศาสตร์ โดย พุทธทาสภิกขุ 
58.Think and Grow Rich (คิดอย่างไรให้รวย)
59.One Up On Wall Street 
60.คัมภีร์สุดยอดนักลงทุน : ผู้แต่ง โจเอล กรีนแบลตต์ (Joel Greenblatt) 
61.นิติยสาร BrandAgeEssential Subdivision 3 2007  
   display until march 2008 
62.Competition Demystified :เขียนโดย Bruce Greenwald
63.Millionaire Women Next Door : The Many Journeys of 
    Successful American Businesswomen 
64.Happy: คนพลิกแบรนด์ แบรนด์พลิกคน
65.ทวาร 6 ...
66.The Secret
67.รู้จักใจคือกำไรชีวิต
68.Money Game 
69.อัจฉริยะสร้างได้
70.bubbles (ฟองสบู่ แตก?)
71.FREAKONOMICS
     - "เศรษฐพิลึก"
72.หนังสือชื่อ มหัศจรรย์ แห่ง กลยุทธ์ทางธุรกิจ
73.ทรัพย์ศาสตร์ : เศรษฐศาสตร์ต้องห้าม
74.หนังสือเล่มนี้ เป็น 
75.เปลี่ยนเป็นภาษาหุ้น
76.The Little Book That Builds Wealth
77.ห้องยุทธการ 
78."เศรษฐกิจรากหญ้า" 
79.The Big Switch
80.กฎแห่งกระจก
81.The long tail
82.กฏ80/20 
83.Financial Statement Analysis โดย John J. Wild และคณะ
84.Intelligent Investor
85.The Psychology of Investing 
86. Analysis of  Financial Statement, White Sondhi 
87. Poor Charlie's Almanack: The Wit and Wisdom of Charles T. Munger 88.เศรษฐวิกฤต มุมคิด และ ทางแก้

89.เข็มทิศชีวิต
90.CASE STUDY
91.The Top Secret 2
92.สุดยอด CFO ไทย Survival & Success 
93.รวยหลักล้าน ผ่าน Blog Marketing
94.จาก THE GREAT DEPRESSION สู่วิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์
95.When markets collide - เมื่อเศรษฐกิจโลกพินาศ
96.เศรษฐศาสตร์ฉบับกระป๋อง
97."เล่นหุ้น...อย่างมืออาชีพ" สร้างกำไรได้....ในทุกสถานการณ์ 
98. 22immutable law of marketing ของal rie และjack troutฉบับแปล 
-  22กฎเหล็กที่นักการตลาดปฏิเสธไม่ได้
99.พูดอย่างไร...ไม่ให้พัง (crucial conversations)
Crucial Conversations: Tools for talking when stakes are high
100.หนังสือ@เหนือกว่ารสชาติมากกว่ากาแฟ:IT'S NOT ABOUT THE COFFEE
101.The War for Wealth
102.Warren buffett and the interpretation of financial statements 
103.เด็กขี้สงสัย กับผู้ใหญ่หัวใจธรรมะ
104.Pilgrimage to Warren Buffett's Omaha โดย Jeff Matthewa 
105.Dear Mr.Buffett :what an investor learns 1,269 miles 
       from Wall Street by Janet Tavakoli
106.แกะเงื่อนงบการเงิน โดย ดร. ภาพร เอกอรรถพร
107.Undercover Economist
108.หนังสือ เล่าเท่าที่รู้ "วิพากษ์เศรษฐกิจโลก 
109.หนังสือ มั่งคั่งอย่าง วอเร็น บัฟเฟตต์ ( Warren Buffett Wealth ) 
110.เจาะลึกประเด็นกลยุทธ์ STrategy Cookbook 
111.หนังสือ ลงทุนทองคำ จับทิศทาง Gold Price จากประวัติศาสตร์
112.Security Analysis 
113.ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน
114.Warren Buffett Wealth Robert P. Miles ผู้แปล ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์ 
115.63 ปีพาดหัวข่าว เราผ่านวันและคืนเหล่านั้นมาได้อย่างไร
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
116.
Beginning
* 1 Mary Buffet, The new Buffetology 
2 Mary Buffet, Buffetology 
3 Peter Lynch, One up on Wall Street 
4 Peter Lynch, Learn to Earn 
5 Thomus J Stanlay, The millionaire Next Door 
6 Janet Lowe, Warren Buffet Speak 
7 Janet Lowe, Value Investing Made Easy 
8 Robert Kiyosaki, Retire Young Retire Rich 
9 Robert Kiyosaki, Rich Dad Poor Dad 
10 John R. Burley, Money Secrets of the Rich 


Intermediate
10 Bruce N Greenwald, Value Investing: From Graham to Buffet and Beyond 
* 11 Philip A. Fisher, Common Stock and Uncommon Profit 
12 Philip A. Fisher, Conservative Investors Sleep well 
13 Lawrence A. Cunningham, The Essays of Warren Buffet 
14 Timothy Wick, How to pick stock like Warren Buffet 
* 15 Robert G. Hagstrom, Warren Buffet Way 
16 Robert G. Hagstrom, Warren Buffet Portfolio 
17 Robert G. Hagstrom, The Essential Buffet 
18 Peter J. Sander, Value Investing for Dummies 


Advance
19 Benjamin Graham, The inteligent Investor 
20 Benjamin Graham, Security Analysis 


Misc.
21 Chairman's letter to Berkshire Hathaway Shareholder 1977-2002 
22 พุทธาสภิกขุ, แก่นพุทธศาสน์
23 ดร.นิเวศน์ เหมวชิราการ, ตีแตก
24 เทพ กาญจนาพิทักษ์, หุ้นห่านทองคำ


* =หนังสือแนะนำให้อ่านเป็นอย่างมาก
Item 1-20 :ส่ังซ้ือได้ที่ Amazon.Com 
Item 21 : www.Berkshirehathaway.Com 
Item 22-23 : หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------
117.Common Stocks and Uncommon Profits and Other Writings(มีแปลเป็นไทย) 
118.The New Buffettology (มีแปลเป็นไทย) 
119.The New Buffettology Workbook 
120.หนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง
121."33 อัตราส่วนทางการเงินสำคัญที่นักลงทุนทุกคนต้องรู้" 
122."วิธีการคำนวณ 25 อัตราส่วนที่สำคัญเพื่อการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ"
123.วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง
124.อ่านใจคนได้ใน 1 นาที
125.จอมอัจฉริยะยักษ์จินนี่ (Genies's wisdom)
126.Business Plan for Beginner
127.Warren Buffett's Management Secrets 
128.เงินเดินดิน
129.วิถีเถ้าแก่ 2.0
130.Logical thinking
131.หนังสือเคล็ด(ไม่)ลับ ศุภาลัย+อสังหาริมทรัพย์
132.มังกรไฟไม่เรียนหนังสือ ผลงานของ ประภาส ชลศรานนท์
133.เศรษฐศาสตร์สัญชาตญาณสัตว์
134.The Zurich Axioms โดย Max Gunther 
     (เล็งให้แม่น เก็งให้รวย แปลโดย ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ) 
135."รวยได้ ไม่ต้องเอาถ่าน"
136.คัมภีร์การลงทุนแนว VSOP
137.Buffett Beyond Value
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
138.
1. Paths to Wealth through Common Stocks By Philip A. Fisher ผู้แปล ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์ กำหนดออก ส.ค. 2553 
2. Common Stocks and Uncommon Profits By Philip A. Fisher ผู้แปล ดร.นิเวศน์  เหมวชิรวรากร กำหนดออก ต.ค. 2553 
3. Essays of  Warren Buffett By Warren Buffett Edited By Lawrence A. Cunningham ผู้แปล อ.เทพ รุ่งธนาภิรมย์ 
4. The Little Book That Builds Wealth By Pat Dorsey ผู้แปล เอกสิทธิ์ หัสสรังสี 
5. The Little Book of Common Sense Investing By John C. Bogle 
6. The Little Book of Behavioral Investing By James Montier 
7. The Interpretation of Financial Statements By Benjamin Graham 
8. Buffett Beyond Value By Prem C. Jain  
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
139.มหาเศรษฐีหุ้นเมืองไทย(หนังสือ)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
140.
ชุดอาจารย์Benjamin Graham 
1.Security Analysis
2. The Intelligent Investor
3. The Interpretation of Financial Statements
4. Benjamin Graham Classic Collection
5. Excerpted from Benjamin Graham, the memoirs of the dean of Wall Street
6. The Rediscovered Benjamin Graham : Selected Writings of the Wall Street Legend
7. Benjamin Graham on Value Investing: Lessons from the Dean of Wall Street


ชุดครอบครัวอาจารย์Philip A. Fisher
1. Common Stocks and Uncommon Profits and Other WritingsPhilip A. Fisher, Kenneth L. Fisher
2. Super Stocks( Kenneth L. Fisher)
3. 100 Minds That Made the Market
4. The Wall Street Waltz: 90 Visual Perspectives : Illustrated Lessons from Financial Cycles and Trends


ชุดWarren Buffett
1.Buffettology
2. The Essays of Warren Buffett : Lessons for Corporate America
3. The New Buffettology (มีแปลเป็นไทย)
4. The Warren Buffett Way
5. J. K. Lasser's Pick Stocks Like Warren Buffett
6. The Warren Buffett Portfolio : Mastering the Power of the Focus Investment Strategy
7. What I Learned Before I Sold to Warren Buffett(มีแปลเป็นไทย)
8. Warren Buffett Speaks : Wit and Wisdom from the World's Greatest Investor
9. The Warren Buffett CEO: Secrets From the Berkshire Hathaway Managers
10. The Real Warren Buffett : Managing Capital, Leading People
11. How to Pick Stocks Like Warren Buffett
12. Warren Buffett : An Illustrated Biography of the World's Most Successful Investor
13. Of Permanent Value: The Story of Warren Buffett
14. Warren Buffett Wealth
15. Trade Like Warren Buffett
16. Business Masterminds: Warren Buffett
17. Buffett : The Making of an American Capitalist
18. Warren Buffett Has Spoken. The Question Is, Who Is Listening?
19. Warren Buffett : The Good Guy of Wall Street
20. The Essential Buffett(มีแปลเป็นไทย)
21. Warren Buffett Wealth
22. How Buffett Does It
23. What Warren Buffett Thinks 2005


ชุดBerkshire
1.Damn Right! Behind the Scenes with Berkshire Hathaway Billionaire Charlie Munger
2. 101 Reasons to Own the World's Greatest Investment: Warren Buffett's Berkshire Hathaway
3. Poor Charlie's Almanack: The Wit and Wisdom of Charles T. Munger


ชุดValue Investment
1. Value Investing Made Easy(มีแปลเป็นไทย)
2. The 5 Keys to Value Investing(มีแปลเป็นไทย)
3. New Era Value Investing: A Disciplined Approach to Buying Value and Growth Stocks
4. Value Investing : From Graham to Buffett and Beyond
5. Value Investing for Dummies
6. Margin of Safety: Risk-Averse Value Investing Strategies for the Thoughtful Investor
8. A Modern Approach to Graham and Dodd Investing
9. Beyond Graham and Dodd : A Multi-Asset, Multi-Strategy Approach to Value Investing
10. Value Investing : A Balanced Approach
11. Value Investing With the Masters: Revealing Interviews With 20 Market-Beating Managers Who Have Stood the Test of Time
12. Value Investing Today
13. What Is Value Investing?
14. The Vest Pocket Guide to Value Investing: Winning & Practical Techniques for Portfolio Management & Individual Stock Selection
15. Valuegrowth Investing
16. Minding Mr. Market: Ten Years on Wall Street With Grant's Interest Rate Observer
17. How to Think Like Benjamin Graham and Invest Like Warren Buffett
18. The Focus Investor


ชุดโคตรเซียน
1. John Neff on Investing
2.  Investing with Anthony Bolton
3. The Man Who Beats the S&P: Investing with Bill Miller
4. One Up On Wall Street (มีแปลเป็นไทย)
5. Beating the Street(มีแปลเป็นไทย)
6. Money Makers: The Stock Market Secrets of Britain's Top Professional Investors


ชุดValue ไทย
1.ตีแตก(ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวารกร)
2.เคล็ดลับเซียนหุ้นพันธุ์แท้(ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวารกร)
3.เซียนหุ้นมือทอง(ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวารกร)
4.รวยด้วยหุ้น(ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวารกร)
5.เทคนิคพิชิตหุ้น(ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวารกร)
6.อ่านก่อน รวยถาวรกว่า(คุณ มนตรี นิพิฐวิทยา และ คุณ วิบูลย์ พึงประเสริฐ)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
141."เรื่องเล่าคนล่าห่าน"
142."เก่งเทียมฟ้าหรือว่าโชค"
143.Common Stocks and Uncommon Profits ภาคภาษาไทย
--------------------------------------------------------------------------------------------
144. 
-The Wealth of Nations
-The Competitive Advantage of Nations และ Competitive Strategy
-The Fifth Discipline
-Chasing Daylight : How My Forthcoming Death Transformed My Life
-A Random Walk Down Wall Street
-Blue Ocean Strategy
-Prisoners Dilemma
-In Search of Excellence
---------------------------------------------------------------------------------
145.วัดมูลค่าหุ้น ด้วยตัวคุณเอง
146.
รวยด้วยหุ้น แบบฉบับ ดร.นิเวศน์ 
รวยหุ้นอย่างพอเพียง 
ตีแตก : กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤต 
เคล็ดลับเซียนหุ้นพันธุ์แท้ 
เซียนหุ้นมือทอง 
ชนะอย่างเต่า 
เทคนิคพิชิตหุ้น 
เล่นหุ้นในภาวะวิกฤติ 
ลงทุนเพื่อชีวิต ด้วยหุ้น 
คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก 
เล่น หุ้นในปีทอ
147."คนใจบุญระดับโลก"
148.หนังสือลงทุนหุ้นเงา
149.2530-2551 จาก Black Monday ถึง Hamburger Crisis
150.เส้นทางสู่ความมั่งคั่งด้วยสามัญ 
151.จริต 6 ศาสตร์ในการอ่านใจคน
152.หุ้นห่านทองคำภาค 4
153."เริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว"
154.หนังสือกุญแจ 5 ดอก
155.THE CLASSIC GUIDE LEARN TO EARN 
156.ยอดผู้บริหารของวอเร็นบัฟเฟตต์
157.พลิกชีวิตด้วยการลงทุน เซียนหุ้นพันล้าน ลงทุนให้มั่งคั่งอย่าง 
     ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เซียนหุ้นคุณค่า หมายเลข 1 ของเมืองไทย
158.Guide to the New Rules of Personal Finance
159.เบน เกรแฮม สอนกลเม็ด วอร์เรน บัฟเฟตต์ สอนลงทุน 

    (How to Think Like Benjamin Graham and Invest Like Warren Buffett) 

160.เส้นทางสู่ความมั่งคั่งด้วยหุ้นสามัญ 
      (Paths to Wealth through Common Stocks) 
161.เสียดายคนล้มละลายไม่ได้อ่านก่อนเล่นหุ้น
162.EVM Economic Value Management
163.How to Make Money in Stocks แต่งโดย William J. O'Neil
164.16 สูตรสำเร็จ รวยด้วยหุ้น โดย ตะวัน สุรัติเจริญสุข
165.คนรวยหุ้น ปี 2554-55
166.คู่มือหุ้นไทยปีกระต่ายทอง2554 คัมภีร์รวยหุ้น
167.เหนือกว่าวอลสตรีท (One Up On Wall Street)
168.กลยุทธ์การเล่นหุ้น:โสภณ ด่านศิริกุล
169.SLOW BOOK ครับ
170.Warren Buffett and the Art of Stock Arbitrage
171.ล้มแล้วรวย
172.Super Stock : มหัศจรรย์หุ้น VI หนังสือใหม่ของ ดร.นิเวศน์ 
173.เล่นแร่แปรหุ้น :เจาะตลาดผ่านงานวิจัย 
174."ซื้อเพชรให้ได้เพชร" 20 เคล็ดลับต้องรู้ ก่อนซื้อเพชรด้วยตัวเอง
175."เคล็ดลับเซียนหุ้นบันลือโลก" หนังสือใหม่ของคุณวิบูลย์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
176.
1.กลยุทธ์หุ้นห่านทองคำ
2.วิถีแห่งเซียน หุ้นห่านทองคำ
3.ยุทธศาสตร์หุ้นห่านทองคำ
4.คัมภีร์หุ้นห่านทองคำ (4) วิกฤติคือโอกาส
5.คัมภีร์หุ้นห่านทองคำ 5 เจาะลึกตลาดหุ้น
---------------------------------------------------------------------------------------------
177."รู้ทันตลาดทุน"  โดย สฤณี อาชวานันทกุล
178." การประเมินมูลค่าหุ้น "
179.การเงินปฏิวัติ
180.ภูเขาเคลื่อนได้
181.บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
182.เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
183."The neatest little guide to stock market investing" เขียนโดย Jason Kelly
184.เขว SWAY
185.buffetology +little book that beat market ออกแล้ว
186.The Little Book That Beats the Market
187."Freefall" ของ Joseph Stiglitz
188.ลงทุนให้รวย โดย โสภณ ด่านศิริกุล (ที่เขียน คัมภีร์หุ้น1-2) 
189.กล้าคิดต่างอย่าง สตีฟ จ๊อบส์
190.บัฟเฟตต์-โซรอส ลงทุนถูกนิสัย ยังไงก็ชนะ
191.คมปัญญา วอเร็น บัฟเฟตต์ (The Essays of Warren Buffett) 
     เขียนโดย Warren Buffett 
192.หนังสือ 50กลยุทธ์เล่นหุ้นให้รวย ฉบับผู้เร่ิมต้น
193.โซรอสเลกเชอร์ The Soros Lectures
194.the little book of value investing
195.จิตวิทยาการลงทุน เขียนโดยพี่เวป
196.Value Investing: From Graham to Buffett
197.ตลาดหุ้นไทย Survival kit ของ อ. สุมาอี้
198.ลงทุนสวนกระแสอย่าง...แอนโทนี โบลตัน : Investing Against the Tide
199.หนังสือเล่นหุ้นกับพี่เม่า ของ Maoinvestor
200.หนังสือเลือกหุ้นสไตล์...เด็กแนว ไม่ลึก...แต่ซึ้ง
201.John Neff on Investing
202.มนุษย์เศรษฐกิจ 3.0
203.เบนจามิน เกรแฮม กับ การถอดรหัสงบการเงิน
204.คู่มืออ่านงบการเงินโดยนักลงทุนเพื่อนักลงทุน เเปลโดย ดร.กุศยา สีฬหาวงศ์ เขียน
     โดย Benjamin Graham และ Spencer B. MeredIth
205.WARREN BUFFETT CEO ภาคภาษาไทย
206.หนังสือเเกะรอยหยักสมอง รวยหุ้นหมื่นล้าน ภาค2
207.เล่นหุ้นตามเซียน โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
208.หุ้น 5 เด้ง Penny Stocks
209.Warren Buffet Invest Like A Girl 
210.ชำแหละพอร์ตโฟลิโอของวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์
211.Business+ Top 1000 companies
212.รวยหุ้นล้นฟ้าด้วยระบบคิดใหม่ โดยพิชัย จาวลา
213.ฉลาดรู้ทางการเงิน(Financial Intelligence)
214.คิดแบบผู้หญิง รวยแบบบัฟเฟ็ตต์
215."คู่มือการลงทุนในหุ้น ฉบับ นักลงทุนมือใหม่ :
      How to start investment in stock market"
216.แกะรอยหยักสมอง รวยหุ้นหมื่นล้าน ภาค 3
217.เงินงอกเงย 100 ภารกิจพิชัยความมั่งคั่ง 
218.สามก๊กฉบับนายทุน เบ้งเฮ็ก ผู้ถูกกลืนทั้งเป็น
219.ลงทุนอย่าง ดร.นิเวศน์ โดย *กระโจมไฟ at เวป VI*
220.รหัสลับขุมทรัพย์เงินล้าน
221.ร้านไหน? กำไรมากกว่า : Atsumu Hayashi
222.Active Value Investing โดย Vitaliy N. Katsenelson
223.อ่านก่อนรวยถาวรกว่า
224.the next 100 yearsจะเกิดอะไรขึ้นในรอบ 100ปี:พยากรณ
225.20บริษัทจดทะเบียน
226.วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ และศิลปะแห่งการค้ากำไรหุ้น
227.Value investing made easy
228.พ่อรวยเล่าเรื่องเกมการเงินของคนรวย
     Rich Dad's conspiracy of the rich the 8 new rules of money 

     เขียนโดย Robert T. Kiyosaki 
229.รวยได้โดยหุ้น โดยเซียนฮง สถาพร งามเรืองพงศ์
230.ตะแกรงร่อนหุ้น/วิบูลย์ พึงประเสริฐ
231.การลาออกครั้งสุดท้าย
232.พฤติกรรมพยากรณ์ (Predictably Irrational)
233.สอนลูกอย่างนักลงทุน ( a gift to my children)
234."Create Your Own Hedge Fund" by Mark D. Wolfinger
235.35 ไอเดียการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
236.The Dhandho Investor นักลงทุนดันโด
237.จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร? โดย กิติชัย เตชะงามเลิศ
238.Marketing Warfare