1. เพราะเหตุใด เวลาน้ำมันแพง ธุรกิจค้าปลีกจึงมี Margin
- ธุรกิจค้าปลีกน่าจะรักษา margin ได้ครับ เพราะลูกค้ามีแต่รายเล็ก จำนวนมากราย จึงไม่มีอำนาจต่อรอง
ดังนั้น ค้าปลีกจะสามารถผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้ลูกค้าได้เต็มๆ ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้นคงมีบ้าง เป็น
ผลพลอยได้ แต่คงไม่ถึงกับมากนัก เป็นผลจากการที่ margin เป็น % เท่าเดิม แต่ margin เป็นตัวเงินเพิ่ม
เช่น ปกติ net margin 4%
เดิม ขาย 100 กำไร 4 บาท
หากต้นทุนสินค้าเพิ่ม 10% ขาย 110 กำไร 4% เท่าเดิม แต่กำไรเป็นตัวเงินจะเป็น 4.4 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.หลักการบริหาพอร์ตแบบของผมน่ะครับ..(ที่จำๆ มาและท่องไว้ๆๆ)
สมมติ คิดจะซื้อหุ้น 1 ตัวเพิ่มจากที่มีอยู่
สมมติว่า ประเมินมูลค่าที่ควรจะเป็นของมันได้ และสูงกว่าราคาที่ซื้อมา โดยมีส่วนเผื่อปลอดภัยประมาณ 20%
หุ้น จำนวน EPS SES BV Cost Mrk.
A 200 6 70 30 60 55
B 300 2.5 25 10 15 16
พอร์ต เป็นดังนี้
ยอดขายทั้งสิ้น 14000+7500 = 21500 บาท
ได้กำไร 1200+ 750 = 1950 บาท
ส่วนของจ้าของ 6000+3000 = 9000 บาท
ต้นทุน 12000+4500 = 16500 บาท
ราคาตลาด 11000+4800 = 15800 บาท
ผลตอบแทน P/E 15800 / 1950 = 8.1
P/BV 15800 / 9000 = 1.8
ROE 1950 / 9000 = 21.7%
Yearly Return 1950 / 16500 = 11.8%
หากเป็นเช่นนี้ ผมก็จะซื้อหุ้น ที่ เมื่อนำราคา และผลกำไรมาคิดรวมแล้วทำให้ ROE ผมสูงขึ้น Yr. Return ผมสูงขึ้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3.สมมติว่าบริษัทมีหุ้นอยู่ 1,000,000 ล้านหุ้น
มี Equity = 1,000,000 บาท
มี Debt = 1,000,000 บาท
เพราะฉะนั้น Total Asset = Debt + Equity = 2,000,000 บาท
มูลค่าหุ้นทางบัญชี (Book Value)
- (1,000,000 / 1,000,000 = 1) ไม่นับหนี้
หากปัจจุบันหุ้นของบริษัทนี้ซื้อขายกันอยู่ที่ราคา 4 บาท (P/BV = 1)
- ถ้า BV มีค่าใกล้กับ Market price ของสินทรัพย์ในงบดุลของบริษัท ส่วน premium ในตลาดที่เกินมาคือ PV ของกำไรที่ตลาดคาดหวังในอนาคตเฉพาะในส่วนที่เกิน cost of capital
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4.การหาค่าเกี่ยวกับกระแสเงินสด มีความหมายว่าอย่างไร
- กระแสเงินสด คือเงินที่ บ ได้รับเข้ามาเป็นเงินสด หักที่จ่ายไปเป็นเงินสดจริง
มี 3ส่วน คือกระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน จากการลงทุน จากการจัดหาเงินทุน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5.อัตราการเติบโตของกำไรมีส่วนสัมพันธ์กับอัตราการจ่ายปันผลยังไง
ถ้าสัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่เปลี่ยนแปลงจะได้ว่า
g = r x ROE g = อัตราการเติบโตของกำไร
r = retention ratio = 1-เงินปันผล/กำไร
ROE = return on equity = กำไรสุทธิ/ส่วนของเจ้าของ
เช่น บริษัทที่กำไรเติบโตปีละ 15% และมี ROE 10% จะมี r = 66% อัตราเงินปันผลที่เหมาะสมของบริษัทควรจะอยู่ที 33% ของกำไรครับ
ถ้าจ่ายออกมาน้อยกว่านี้แสดงว่าบริษัทอมเงิน ถ้าจ่ายมากกว่านี้แต่สามารถโตเท่าตามเป้า แสดงว่าพื้นฐานของบริษัทกำไรจะดีขึ้น (ROE กำลังเพิ่ม)
----------------------------------------------------------------------
6.บริษัทควรมีหนี้เงินกู้บ้าง เพราะอะไร ?
สมมติว่า บริษัท A ทำกำไรปีหนึ่งได้ 10 บาท แต่การที่จะทำอย่างนั้นได้ A ต้องการเงินทุนที่ 100 บาท ทีนี้กรณีแรกนะครับสมมติว่าทั้ง 100 บาทมาจากส่วนของผู้ถือหุ้นเท่านั้น ไม่มีหนี้เลย ROE1 = 10/100 = 10% ทีนี้นะครับสมมติว่าทุกอย่างเหมือนเดิมแต่คราวนี้บริษัท A กู้มา 50 บาท และใช้เงินในส่วนของผู้ถือหุ้น 50 บาท ROE จะเป็นเท่าไหร่ ROE2 = 10/50 = 20%
- (1,000,000 / 1,000,000 = 1) ไม่นับหนี้
หากปัจจุบันหุ้นของบริษัทนี้ซื้อขายกันอยู่ที่ราคา 4 บาท (P/BV = 1)
- ถ้า BV มีค่าใกล้กับ Market price ของสินทรัพย์ในงบดุลของบริษัท ส่วน premium ในตลาดที่เกินมาคือ PV ของกำไรที่ตลาดคาดหวังในอนาคตเฉพาะในส่วนที่เกิน cost of capital
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4.การหาค่าเกี่ยวกับกระแสเงินสด มีความหมายว่าอย่างไร
- กระแสเงินสด คือเงินที่ บ ได้รับเข้ามาเป็นเงินสด หักที่จ่ายไปเป็นเงินสดจริง
มี 3ส่วน คือกระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน จากการลงทุน จากการจัดหาเงินทุน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5.อัตราการเติบโตของกำไรมีส่วนสัมพันธ์กับอัตราการจ่ายปันผลยังไง
ถ้าสัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่เปลี่ยนแปลงจะได้ว่า
g = r x ROE g = อัตราการเติบโตของกำไร
r = retention ratio = 1-เงินปันผล/กำไร
ROE = return on equity = กำไรสุทธิ/ส่วนของเจ้าของ
เช่น บริษัทที่กำไรเติบโตปีละ 15% และมี ROE 10% จะมี r = 66% อัตราเงินปันผลที่เหมาะสมของบริษัทควรจะอยู่ที 33% ของกำไรครับ
ถ้าจ่ายออกมาน้อยกว่านี้แสดงว่าบริษัทอมเงิน ถ้าจ่ายมากกว่านี้แต่สามารถโตเท่าตามเป้า แสดงว่าพื้นฐานของบริษัทกำไรจะดีขึ้น (ROE กำลังเพิ่ม)
----------------------------------------------------------------------
6.บริษัทควรมีหนี้เงินกู้บ้าง เพราะอะไร ?
สมมติว่า บริษัท A ทำกำไรปีหนึ่งได้ 10 บาท แต่การที่จะทำอย่างนั้นได้ A ต้องการเงินทุนที่ 100 บาท ทีนี้กรณีแรกนะครับสมมติว่าทั้ง 100 บาทมาจากส่วนของผู้ถือหุ้นเท่านั้น ไม่มีหนี้เลย ROE1 = 10/100 = 10% ทีนี้นะครับสมมติว่าทุกอย่างเหมือนเดิมแต่คราวนี้บริษัท A กู้มา 50 บาท และใช้เงินในส่วนของผู้ถือหุ้น 50 บาท ROE จะเป็นเท่าไหร่ ROE2 = 10/50 = 20%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น