วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รูปแบบที่ควรจำ
1.แนวโน้มของความสม่ำเสมอของกำไร
2.หุ้นที่มีการรับค่าสินค้าและบริการเป็นเงินสด  จะเป็นหุ้นที่มีคุณภาพของกำไรสูงกว่า
3.หุ้นที่มีคุณภาพของกำไรสูงคือ หุ้นที่สามารถเพิ่มรายได้และกำไร โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มหรือลงทุนค่อน
   ข้างน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น

รูปแบบอันตราย
1.หุ้นที่เรียกว่า capital intensive ถือว่ามีแนวโน้มของคุณภาพกำไรที่ต่ำ
    1.1 หุ้นที่ต้องการใช้เงินลงทุนสูงในการเพิ่มกำไร ทำให้กำไรที่ได้ในปีปัจจุบันจะต้องถูกเก็บไว้สำหรับลง
           ทุนใหม่ๆตลอดเวลาเพื่อเพิ่มยอดขาย
    - หุ้นประเภทดังกล่าวมักจะเป็นหุ้นโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าที่ไม่มีแบรนด์ของตัวเอง
    1.2 หุ้นที่มีคุณภาพของกำไรที่ต่ำมากไปอีกคือ หุ้นที่จะต้องมีการลงทุนตลอดเวลาเพื่อรักษารายได้และ
    กำไรให้คงที่ หุ้นประเภทนี้มักจะเป็นหุ้นที่กระบวนการผลิตมีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเร็วมาก
   - หุ้นธนาคาร ก็เป็นหุ้นที่มีคุณภาพของกำไรค่อนข้างต่ำ

วิธีการตัดสินใจรูปแบบหนึ่ง
1.ถ้าซื้อมา 100 ขึ้นไป 130 แล้วลงมาเหลือ 120 ก็ให้ถามตัวเองว่า สมมติว่าเราไม่เคยซื้อหุ้นตัวนี้มาก่อน ที่ราคา 120 เราจะซื้อหรือไม่ ถ้าคำตอบคือ ซื้อ ก็ไม่ต้องขายครับ แต่ถ้าคำตอบคือไม่ ก็อาจจะขายไปก่อนก็ได้ครับถ้าอยากขาย วิธีนี้ใช้ได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเล่นแบบพื้นฐานหรือเก็งกำไร 
2.ควรลงทุนในกองทุนหุ้นที่อิงดัชนีซึ่งไม่ต้องอาศัยฝีมือผู้บริหาร  และควรเลือกผู้จัดการที่คิดค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด   ข้อสาม  อย่าพยายามตามหากองทุนที่กำลัง  “ร้อน”  ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้นประเภทไหน  เพราะจับเข้าไปก็คงถูก “ลวก”  มากกว่า
และสุดท้าย  ถ้าเรามีความรู้บ้างและมีเงินลงทุนระดับหนึ่งเช่นหนึ่งล้านบาทขึ้นไป  เราสามารถสร้างพอร์ตลงทุนส่วนตัวที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนคล้าย ๆ  กับกองทุนรวมหรือตลาดหลักทรัพย์แต่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการบริหารปีละประมาณ 2% ได้ไม่ยาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น