วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีเอาชนะเงินเฟ้อเหรอ
1.กักตุนสินค้า เงินเฟ้อแปลว่าของกำลังแพงขึ้น เงินกำลังมีค่าลดลง ดังนั้นซื้อของที่เราต้องบริโภคอยู่แล้วมากักตุนไว้ 
2.ซื้อหุ้นของอุตสาหกรรมต้นน้ำไว้ แต่อันนี้ยากหน่อยเพราะต้องซื้อก่อนที่คนอื่นจะรู้ว่าเงินจะเฟ้อ 
3.เป็นหนี้มากขึ้น เพราะค่าของหนี้กำหนดไว้เป็นจำนวนเงิน เมื่อเงินเฟ้อขึ้นภายหลัง เจ้าหนี้จะจนลง ลูกหนี้จะรวยขึ้น
สำหรับใช้จ่ายเมื่อเกษียณอายุ ซึ่งจริงๆ แล้วมีหลักที่เป็นสากล และ
สามารถคำนวณได้ง่าย ๆ คือ = 1/10 * อายุ * เงินได้ทั้งปี 


ถ้าซื้อเพราะราคาขึ้น ให้ cut loss เมื่อราคาลง 
ถ้าซื้อเพราะพื้นฐานดี ให้ cut loss เมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

สูตรที่จะช่วยให้เรามีความมั่งคั่ง  ร่ำรวย
ข้อแรกก็คือ  ถ้าคิดว่าเรายังไม่รวย   อย่าซื้อรถ รายจ่ายเป็นหมื่น หรือ หลายหมื่นเป็นค่าผ่อนรถ  ค่าน้ำมัน  ค่าประกัน ค่าซ่อม  การใช้รถสาธารณะนั้นประหยัดกว่ามากและจะทำให้เรามีเงินเหลือเก็บและลงทุนได้มากกว่า
ข้อสอง  อย่าซื้อบ้านถ้าไม่จำเป็น  และถ้าจำเป็นก็ซื้อบ้านที่เล็กที่สุดที่จะเพียงพออยู่สำหรับตนเองและคู่ครอง  และลูกที่มีอยู่หรือที่วางแผนที่จะมีในอนาคต  ทำเลของบ้านควรอยู่ในที่ที่การเดินทางไปทำงานและ/หรือไปเรียนสะดวกและไม่ต้องต่อรถหลาย ๆ  ต่อซึ่งจะทำให้  “ค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยและเดินทาง” ต่ำที่สุด
ข้อสาม  มีลูกให้น้อย  อย่าเกินสองคนก็ดี   เพราะลูกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการเลี้ยงดูและให้การศึกษา
ข้อสี่  รายจ่ายค่าสมาชิกทั้งหลาย
ข้อห้า  ถ้าอยากรวย  นอกจากปฏิบัติตามแนวทางข้างต้นแล้ว  จะต้องไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและเก็บออมเงินให้มากที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องประหยัดเกินความจำเป็นจนทำให้เรารู้สึกไม่สบาย  สิ่งนี้ทำไม่ยากถ้าเรารู้จักซื้อของแบบเน้น  “คุณค่า”  นั่นคือ  ใช้เงินน้อยแต่สามารถตอบสนองความต้องการเกิน 90%  ตัวอย่างง่ายที่สุดก็คือ  การซื้อของไม่มียี่ห้อที่มีคุณภาพดีหรือซื้อของมียี่ห้อในช่วงที่มีการลดราคามาก ๆ เป็นต้น


SILENT PERIOD (ช่วงเวลาห้ามขายหุ้น) 
ช่วงระยะเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดห้ามผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้เกี่ยวข้องกับผู้บริหารและ/หรือผู้เกี่ยวข้อง กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนใหม่ ในการนำหุ้นบริษัทดังกล่าวที่ตนถือครองอยู่ออกขาย โดยทั่วไป ช่วงเวลาห้ามขาย หุ้นจะประมาณ 6 เดือนนับแต่วันแรกที่ให้มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แต่ในบางกรณี อาจจะกำหนดให้นานกว่า 6 เดือนก็ได้ แต่ไม่เกิน 3 ปี 
------------------------------------------------------------------------------------------------
ดัชนีตลาดหุ้นมักจะถูกครอบงำจากราคาหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงๆ เพราะการคำนวณดัชนีมักจะมีการให้น้ำหนักตามมูลค่าตลาดของหุ้นแต่ละบริษัท ดังนั้นบางครั้งการที่ดัชนีตลาดหุ้นเพิ่มสูงขึ้น อาจจะเกิดจากราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นของบริษัทใหญ่ๆ เพียงไม่กี่บริษัท
ในกรณีเช่นนี้จะมีหุ้นขนาดเล็กจำนวนมากที่ไม่ได้มีราคาเพิ่มขึ้นตามดัชนี ในขณะเดียวกันเมื่อดัชนีลดต่ำลงก็มีหุ้นจำนวนมากที่ราคาไม่ได้ลดต่ำลงไปด้วย บางครั้งผลตอบแทนการลงทุนของนักลงทุน อาจจะไม่ได้เป็นไปตามดัชนีตลาดหุ้นแต่อย่างใด
การที่ดัชนีตลาดลดลง นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ เพราะกลัวจะซื้อหุ้นแล้วขาดทุน ในภาวะเช่นนั้นแทนที่นักลงทุนจะกลัวและถอยออกนอกตลาด ก็อาจจะเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้อหุ้นที่ดีในราคาถูก เรียกว่าเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส แต่สิ่งสำคัญก็คือ นักลงทุนจะต้องมั่นใจว่าการวิเคราะห์ของเรานั้นถูกต้อง

----------------------------------------------------------------------------------
Warren Buffett กล่าวเตือนสติพวกเราไว้ดีมาก
‘เมื่อส่วนผสมของความโลภและข่าววงในที่มากพอลงตัวกันเมื่อไร เมื่อนั่นความพินาศจะมาเยือนโดยมิได้นัดหมาย’

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น