วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ทฤษฎี VI
1. ข้อแรก  VI  มองการลงทุนในหุ้นว่าคือการลงทุนในธุรกิจ (ซื้อส่วนหนึ่งของธุรกิจ)
2.ต้องหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น  ซึ่งก็คือการหามูลค่าของธุรกิจ  นี่คือมูลค่าที่เกิดขึ้นจากการที่ธุรกิจสามารถสร้างกระแสเงินสดให้เราได้
3.ซื้อหรือขายหุ้นเมื่อมีส่วนต่างระหว่างมูลค่าที่แท้จริงกับราคาหุ้นในตลาด โดยที่ส่วนต่างนั้นมีมากพอ  หรือเรียกว่ามี  Margin Of Safety
4.VI  นั้นจะต้องมี  EQ  หรืออารมณ์ที่มั่นคง  ไม่ถูกชักนำโดยจิตวิทยาสังคมหรือสภาวะของตลาดหลักทรัพย์
5.ต้องควบคุมความเสี่ยง  หรือเสี่ยงในระดับที่เหมาะสม
6.ประเด็นอื่น ๆ  ที่เกี่ยวข้องในมุมมองของ VI
การแบ่งกลุ่มของหุ้น
1.กลุ่มหุ้น “ก้นบุหรี่” 
หุ้นของบริษัทที่ไม่มีความสามารถโดดเด่นในการแข่งขัน  ซึ่งทำให้ราคาของหุ้นอาจจะถูกมากจนอาจ
   ทำให้คุ้มค่าที่จะซื้อ
2.กลุ่มหุ้น “Super Company”
-หุ้นของกิจการที่มีความแข็งแกร่งมากและมี  “ความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน”  ซึ่งทำให้บริษัท
 สามารถทำกำไรดีกว่าปกติได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน  หุ้นแบบหลังนี้  ถ้าเราสามารถซื้อได้ในราคาที่
 เหมาะสม  มันก็จะให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีได้เป็นเวลานาน


แบ่งกลุ่มแบบ ปีเตอร์ ลินช์
1.หุ้นโตช้า เป็นกลุ่มที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า “ตะวันตกดิน”
2.กลุ่มสอง  หุ้นแข็งแกร่ง  นี่คือหุ้นของกิจการขนาดใหญ่ที่เข้มแข็ง  หุ้น  “Blue Chip” หุ้นเหล่านี้จะโต
  ไม่มากแล้ว  คนลงทุนควรจะเน้นว่ามันจ่ายปันผลในอัตราที่ดีจึงจะน่าสนใจที่จะซื้อลงทุน
3.หุ้นโตเร็ว  นี่คือหุ้นที่มักจะมีขนาดเล็กลงมาแต่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว  เป็นกิจการที่ยังมีความเสี่ยง  
   และ อาจจะไม่เข้มแข็งมาก  แต่การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้โดยรวมมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีเพราะราคาหุ้น
   จะปรับตัวไปสูงมากและเป็นเวลานาน
4.หุ้นวัฏจักร  นี่คือกิจการที่มีผลประกอบการขึ้นและลงเป็นรอบ ๆ  ที่ถ้าเราเข้าใจก็สามารถลงทุนซื้อและ
   ขายหุ้นในช่วงเวลาที่ถูกต้องได้
5.หุ้นของกิจการที่ประสบปัญหาหนักแต่กำลังฟื้นตัวหรือจะฟื้นตัวได้เนื่องจากเหตุผลบางประการเช่น
   บริษัทมีเงินสดมาก  การซื้อหุ้นแบบนี้ก็จะให้ผลตอบแทนที่ดีมากเมื่อกิจการฟื้นตัวแล้ว
6.หุ้นกลุ่มทรัพย์สินมาก  นี่คือหุ้นของกิจการที่มีทรัพย์สินมากกว่ามูลค่าหุ้นของบริษัทและทรัพย์สินนั้นมี
   ค่าจริง   การลงทุนในหุ้นมีทรัพย์สินมากมักจะมีความปลอดภัยสูง






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น