วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555


ลงทุนแบบ VI จำเป็นต้องอ่านงบการเงินให้เป็น ไม่งั้นจะวิเคราะห์บริษัทได้หรือ ? 
- ปัจจัยหลักๆ ในการอ่านงบการเงินคือต้องเข้าใจตัวธุรกิจของมันก่อน อย่างเช่น
ถ้าเป็นธุรกิจซื้อมาขายไป  ดังนั้นในงบดุล สินทรัพย์ส่วนใหญ่ก็น่าจะไปอยู่ในส่วนสินค้าหมุนเวียนใช่ป่าว สินค้าคงเหลือเป็นยังไง หมุนเวียนดีไหม แล้วก็ไปดูส่วนหนี้สินว่าเป็นไง มีหนี้มากป่าวถ้ามาก หนี้ส่วนใหญ่เป็นอะไร ถ้าเป็นในส่วนเจ้าหนี้อาจดีหน่อยเพราะเค้าให้เครดิตเราเยอะ เอาสินค้าเค้ามาขายก่อน จ่ายเงินคืนทีหลัง แต่ถ้าหนี้ส่วนมากเป็นหนี้จากการกู้ อืม... อย่างนี้ก็ต้องระวังหน่อยว่าจะมีตังค์มาจ่ายป่าว 

ต่อมาดูงบกำไรขาดทุน กำไรขั้นต้นเป็นยังไง ลดลงป่าวถ้าลดเกิดจากอะไร  ต้นทุนสินค้าเพิ่มเนื่องจากไปซื้อมาแพงขึ้นแต่ขายได้ราคาเดิม หรือต้นทุนการขายเพิ่มเนื่องจากบริหารงานไม่ดี ถ้าเป็นยังงี้ตอนไปประชุมผู้ถือหุ้นต้องไปถามผู้บริหารสิว่า เค้าจะแก้ไขยังไง ถัดมาก็ดูว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรอีกไหม ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยเยอะป่าว เดี๋ยวกลายเป็นว่าทำมาตั้งเยอะ เจ้าหนี้เอาไปกินหมด ผู้ถือหุ้นอด.... 

ส่วนงบกระแสเงินสด เป็นการดูว่าในงวดนั้นมีเงินเข้าบริษัทป่าว ถ้าเงินไหลออก ต้องดูว่าไปออกตรงส่วนไหน ถ้าออกตรงส่วนจากการดำเนินงาน ก็ต้องคิดหน่อยแล้วว่า  ทำไมบริษัทขายสินค้าไป แต่ไม่มีเงินเข้า อาจไปกองอยู่ที่ลูกหนี้ ยังเก็บเงินไม่ได้ ก็ต้องคอยดูแล้วว่าจะเป็นหนี้ดีหรือหนี้สูญ ส่วนกระแสเงินสดจากการลงทุน ก็ดูว่าธุรกิจไปลงทุนอะไรเพิ่ม ถ้าไม่ขยายสาขา ก็น่าจะสร้างโรงเก็บสินค้า ถ้าไปลงทุนอย่างอื่นก็ต้องดูต่อไปว่ามันมีประโยชน์กับธุรกิจหรือป่าว สุดท้ายงบกระแสเงินสดจากการจัดหาเงินเป็นการดูว่าเงินที่บริษัทเอามาใช้นั้นเอามาจากไหน 1.กำไรสะสมของบริษัท 2.กู้ 3.เพิ่มทุน 
งบดุล 
ดูว่ามีอะไรผิดปกติไหม ลงบัญชีมากหรือน้อยกว่าที่ควรจะเป็นไหม ตัวนี้ช่วยบอกความถูกแพงในแง่ p/b 
งบกำไรขาดทุน
ดูว่าสอดคล้องกับลักษณะธุรกิจมั้ย มีกำไรพิเศษอะไรหรือไม่  ตัวนี้จะช่วยบอกความถูกแพงในแง่ p/e 
งบกระแสเงินสด 
ก็เป็นเรื่องใหญ่ บริษัทล้มหรือไม่ตัวนี้จะบอกได้ดีกว่า  ดูว่ากำไรที่ได้มันเปลี่ยนมาเป็นเงินสดเท่าไหร่ ถ้ามีแต่ตัวเลขก็ต้องดูให้ลึกลงไปอีก ตัวนี้จะช่วยบอกความถูกแพงในแง่ dcf 
ถ้าทุกอย่างผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่ยอมรับได้  
ความสำคัญของปัจจัยส่วนที่เป็นงบการเงินก็จะลดลง  ก็จะไปดูอย่างอื่นที่คิดว่าสำคัญกว่าอีก

ตัวที่สำคัญกว่างบการเงิน คือ อนาคตของบริษัท  แน่นอนว่างบการเงินซึ่งเป็นตัวบอกผลงานในอดีตและปัจจุบันมีส่วนที่สะท้อนอนาคตได้มาก  แต่ปัจจัยอื่นก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน ปัจจัยที่ว่าก็เช่น 
1. การได้เปรียบเชิงแข่งขันในอนาคต  วิเคราะห์โดยใช้พลังทั้งห้าของ E. Porter 
2.แนวโน้มธุรกิจในอนาคต พฤติกรรมมนุษย์ เป็นกุญแจที่จะช่วยวิเคราะห์ 
------------------------------------------------------------------------------------------
งบกำไร/ขาดทุน เป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งการที่เราจะดูว่าบริษัทนี้รายได้ดีแค่ไหน บริหารค่าใช้จ่ายประหยัดหรือไม่ ก็ใช้งบชุดนี้แหละครับ ถ้าเปรียบกับรถก็คือ แรงม้า แรงบิด อัตราการบริโภคน้ำมัน เป็นต้น 

งบดุล เป็นตัวที่แสดงถึงการใช้ทรัพยากรของบริษัท อันเป็นตัวสะท้อนถึงสภาพคล่องและความเสี่ยงของบริษัท ดังนั้นหากจะพิจารณาว่าบรษัทนี้บริหารเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน โครงสร้างของบริษัทเป็นอย่างไรก็ดูตัวนี้ครับ ซึ่งเป็นเสมือน ตัวถัง เชสซี ระบบช่วงล่าง ระบบส่งกำลัง ระบบเบรค เป็นต้น 

งบกระแสเงินสด เป็นตัวแสดงถึงการเคลื่อนไหวของเม็ดเงินในบริษัท เป็นตัวบ่งบอกสภาพคล่องที่แท้จริงของบริษัทว่าเป็นอย่างไร มีคอขวดตรงไหน เช่นกันถ้าเปรียบกับรถก็คือ หัวฉีด การจุดระเบิด น้ำมันเครื่อง ระบบหล่อเย็นต่างๆ เป็นต้น 

ส่วนสิ่งที่ไม่ได้เป็นงบการเงินเช่น ฟอร์ม56-1 เป็นตัวบ่งบอกถึงทิศทาง ค่านิยม และวิธีการปฏิบัติการของบริษัท ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็คือ ล้อ เพลา และ พวงมาลัยดีๆนี่เอง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น