วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คนที่ออกมาบอกว่าสิ่งที่เชื่อกันในเรื่องกระจายความเสี่ยงแบบเดิมๆ นั้นไม่ถูกต้อง กลับเป็นคนที่รวยอันดับสองของโลกอย่างวอร์เร็น บัฟเฟตต์ ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่กล้าตระโกนไล่หลัง แถมยังต้องมานั่งฟังอย่างพินิจพิจารณา
       บัฟเฟตต์บอกว่าแทนที่จะใส่ไข่ไว้หลายตระกร้าตามความเชื่อแบบเดิมๆ “ให้ไส่ไข่ไว้ในตระกร้าใบเดียวแล้วเฝ้าดูตระกร้าใบนั้นเป็นอย่างดี”
ทำไมบัฟเฟตต์ถึงเชื่อว่าการถือหุ้นหลายๆ ตัวอย่างที่นักลงทุนชอบทำกันนั้นยิ่งเสี่ยง
เพราะความเสี่ยงในความหมายของบัฟเฟตต์ไม่ได้หมายถึง”ราคาหุ้น”ที่ผันผวนไปมา ในระยะสั้น ราคาที่เปลี่ยนแปลงไปมาไม่ได้บอกว่า พอร์ตการลงทุนของเรามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ในระยะสั้นราคาหุ้นอาจจะผันผวนไปมา แต่ในระยะยาวแล้วราคาหุ้นจะแปรตามผลประกอบการของบริษัทเสมอ
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ความเสี่ยงในความหมายของบัฟเฟตต์คือการที่ธุรกิจไม่สามารถดำเนินกิจการไปตาม ที่เราตั้งใจไว้ ทำให้มูลค่าของกิจการลดลงในระยะยาว เกิดการ ”ขาดทุนถาวร” เนื่องจากกิจการไม่สามารถทำผลประกอบการดังที่คาดการณ์ไว้
การที่เราจะเข้าใจในหุ้นของบริษัทที่เราลงทุนเป็นอย่างดีนั้น จำเป็นต้องมีการศึกษาและวิเคราะห์บริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกแง่ทุกมุม ซึ่งต้องใช้เวลาและความเข้าใจในธุรกิจนั้นอย่างมาก ยิ่งเราเข้าใจในธุรกิจนั้นมากเท่าไหร่ ก็ทำให้ความมั่นใจในการลงทุนนั้นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
                   การที่เราถือหุ้นจำนวนมาก การที่จะเข้าใจในธุรกิจที่แตกต่างกันก็ต้องใช้ความสามารถ และการศึกษาหาข้อมูลเป็นอย่างมาก โอกาสที่เราจะไม่เข้าใจในธุรกิจทั้งหมดที่มีก็มากขึ้น ความเสี่ยงในการลงทุนก็เพิ่มขึ้น
ความเห็นของบัฟเฟตต์ ความเสี่ยงในการลงทุนลดลงได้ด้วยการทำความเข้าใจในธุรกิจที่จะลงทุนให้มาก ยิ่งเข้าใจมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงในการลงทุนก็ลดลงมากขึ้นเท่านั้น
การกระจายความเสี่ยงตามทฤษฎีสมัยใหม่นั้น บัฟเฟตต์บอกว่ามีไว้สำหรับ”นักลงทุนที่ไม่รู้อะไรเลย” เพราะเราไม่รู้เราจึงจำเป็นต้องถือหุ้นหลายๆตัวเพื่อลดความเสี่ยง แต่สำหรับบัฟเฟตต์ยิ่งถือหุ้นมากเท่าไหร่ความเสี่ยงก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น