วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555


ทำน้อยได้มาก

กฏ 80/20 นั้น  เริ่มจากการพบสิ่งที่ไม่สมดุลของรายได้และความมั่งคั่งของประชากร  โดยที่พาเรโตพบว่ามีความเหลื่อมล้ำกันมากคือ  คนที่มีรายได้สูงที่สุด 20%  มีรายได้รวมกันถึงประมาณ 80% ของรายได้ทั้งหมดของประเทศ
- ถ้าเราค้นพบ  เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้มาก
บริษัทประกันภัย GEICO หรือ Government Employee Insurance Company ของวอเร็น บัฟเฟตต์ ที่ขายประกันโดยเฉพาะประกันรถยนต์ให้กับพนักงานของรัฐโดยไม่ผ่านนายหน้า  นี่ก็เป็นวิธีคิดแบบ 80/20 เหมือนกัน  เพราะพนักงานของรัฐนั้น  โดยสถิติพบว่าเป็นนักขับรถที่ดีเยี่ยมประสบอุบัติเหตุน้อยกว่าคนกลุ่มอื่นมาก  ดังนั้น  GEICO จึงสามารถขายประกันให้ในราคาเบี้ยประกันที่ต่ำ  นอกจากนั้น  ยังสามารถลดต้นทุนด้านการขายซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงมากโดยไม่ผ่านนายหน้าด้วย

เราต้องการหาการลงทุนที่เราใช้เงินน้อยแต่ในที่สุดมันจะให้ผลตอบแทนที่มากกว่าปกติ

ในเรื่องของการทำงานนั้น  ว่ากันว่า  คนที่มีคุณค่ามากในบริษัทเพียง 20%  เท่านั้นที่ทำกำไรให้กับบริษัท   ส่วนคนส่วนใหญ่นั้นสร้างคุณค่าน้อยและอาจจะไม่คุ้มค่าด้วยซ้ำ  งานจำนวนมากในบริษัทนั้นไม่ก่อให้เกิดคุณค่าจริง ๆ  ดังนั้นบริษัทหลายแห่งจึงใช้วิธี  Outsource หรือจ้างคนอื่นทำงานทั่ว ๆ  ไป  ตัวเองทำเฉพาะงานสำคัญที่ตนเองมีความสามารถจริง ๆ   เช่นเดียวกัน  ในแง่ของส่วนบุคคล   เราก็ควรต้องเน้นทำเฉพาะงานที่เป็นความเชี่ยวชาญของเราจริง ๆ  และลดงานที่ไม่ถนัดลงถ้าเราจะสามารถ  “ทำน้อยได้มาก”  และประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องเหนื่อยยากเกินไป

ในเรื่องของการลงทุนนั้น  ความชัดเจนประการแรกก็คือ  หุ้นนั้นเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เรา  “ทำน้อยได้มาก”   เพราะในระยะยาวแล้ว  หุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารการเงินอื่นมาก  สมมุติว่าเรามีเงิน 1 ล้านบาทและอายุ  30 ปี  ถ้าเราลงทุนในหุ้นไปเรื่อย ๆ โดยซื้อกองทุนรวมหุ้นที่อิงกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์  เมื่อเราเกษียณที่ 60 ปี  เราจะมีเงินประมาณ 17.4 ล้านโดยที่แทบไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะหุ้นจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นประมาณปีละ 10%

ทำน้อยได้มาก”  VI ที่จะประสบความสำเร็จจากการลงทุนสูงจริง ๆ  นั้นจะต้องเชี่ยวชาญในเรื่องนี้จริง ๆ  นั่นคือ  หาอะไรที่ทำหรือลงทุนแค่ 20% แล้วให้ผล 80%  ซึ่งด้วยวิธีนี้เขาสามารถทำงาน 40% ของพลกำลังแล้วได้ผลตอบแทน 160%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น