วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ธุรกิจที่ทำได้ง่าย
1.ทำธุรกิจเหมืองถ่านหิน 
2.อสังหาริมทรัพย์

การที่ธุรกิจจะทำได้ง่ายหรือทำได้ยาก
1.ธรรมชาติของอุตสาหกรรม
2.ตัวโครงสร้างและวงจรชีวิตของอุตสาหกรรมว่าในขณะนั้นเป็นอย่างไร  ในบางธุรกิจที่วงจรชีวิตยังเพิ่งจะเริ่มต้นไม่มีผู้นำหรือรายใหญ่ที่แท้จริง   การทำธุรกิจอาจจะง่าย  ผู้ที่เริ่มเข้ามาทำก่อนอาจจะทำได้ง่าย   แต่เมื่ออุตสาหกรรมเติบโตขึ้น  มีการแข่งขันที่รุนแรงและในที่สุดก็มี ผู้ชนะ ที่สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดมาได้มากพอและเหนือกว่าคู่แข่งลำดับต่อ ๆ  ไปมาก  การทำธุรกิจสำหรับรายใหม่ก็จะยากขึ้นและยากขึ้นเรื่อย ๆ 

ร้านสะดวกซื้อ  เป็นเรื่องที่ยาก  สาเหตุก็เพราะในขณะนี้เรามีผู้ให้บริการรายใหญ่มากที่เขาได้สร้างกิจการมาจนมีความได้เปรียบในด้านของต้นทุนและคุณภาพของบริการรวมถึงความได้เปรียบในด้านการตลาดมากซึ่งทำให้รายที่เข้ามาใหม่ที่ต้องเริ่มจากขนาดที่เล็กไม่สามารถแข่งขันได้  พูดง่าย ๆ  มันเป็นธุรกิจที่ทำยาก  ถ้าจะทำให้ได้กำไร  และนี่คือคำจำกัดความของ ธุรกิจที่ทำยาก



------------------------------------
 Megatrend ของโลก
ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวที่ต่อเนื่องยาวนานอย่างน้อย 10 ปี ขึ้นไป  และน่าจะต้องเป็นอย่างนั้นต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 10 ปี

1st Megatrend 
1.เทคโนโลยีด้าน IT และการสื่อสารแบบเคลื่อนที่
2.ทคโนโลยีด้านชีวภาพหรือ  Biotech

2nd Megatrend 
1.Wealth 

3rd Megatrend 
1.โครงสร้างอายุของประชากรในโลกที่เริ่มแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว  อายุเฉลี่ยของประชากรโลกน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  เพราะเด็กเกิดใหม่มีอัตราลดลงในขณะที่คนก็มีอายุยืนขึ้น

4 th Megatrend 
1.การเพิ่มขึ้นของอิทธิพลของเอเซีย” คือแนวโน้มใหญ่ที่ประเทศในเอเซียมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับส่วนอื่นของโลก ประกอบกับการที่มีประชากรจำนวนมาก  ทำให้เอเชียมีบทบาทและความสำคัญสูงขึ้นอย่างมากในทุกด้าน  ทั้งทางด้าน  เศรษฐกิจ  สังคม  การเมือง และวัฒนธรรม  ผลต่อประเทศไทยก็คือ  เราจะมีการค้าและการลงทุนมากขึ้นเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่จะมีมากขึ้นเนื่องจากไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศที่อยู่ในศูนย์กลางของเอเซีย

5th  Megatrend 
1.ภาวะโลกร้อน

6th Megatrend
1.Globalization  หรือโลกานุวัตร โลกแบน   ความหมายก็คือ  พรมแดนทางภูมิศาสตร์ของแต่ละประเทศและวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่นจะมีความหมายน้อยลงเรื่อย ๆ   คนในแต่ละประเทศจะมีความคิด  ค่านิยม  และความเป็นอยู่คล้าย ๆ  กันขึ้นอยู่กับฐานะและความมั่งคั่งมากกว่าเรื่องของวัฒนธรรมประจำชาติ  นอกจากนั้น  แต่ละประเทศจะไม่สามารถทำอะไรตามใจตนเองได้ทั้งหมดแต่จะต้องทำในสิ่งที่เป็นที่ยอมรับของสังคมโลกด้วย  เช่นเดียวกัน  การแข่งขันทางธุรกิจก็จะต้องเปิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ  และต้องรวมไปถึงธุรกิจจากต่างประเทศทั่วโลก  ผลกระทบก็คือ  บริษัทที่มีความสามารถทางการแข่งขันสูงจะสามารถขยายตัวได้มากขึ้นมาก   ในขณะที่บริษัทระดับรองหรืออ่อนแอจะอยู่ได้ยากขึ้น
--------------------------------------------
ซุปเปอร์สต็อกนั้น   มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้บริหารมากนัก  แม้ว่าการที่บริษัทกลายเป็นซุปเปอร์สต็อกได้นั้น  ก็เพราะมีผู้บริหารที่ดีสุดยอด


ในช่วงที่บริษัทยังเล็ก และ/หรือ อ่อนด้อยอยู่  ฝีมือของผู้บริหารสูงสุดนั้นอาจจะมีความสำคัญชี้เป็นชี้ตายได้  แต่เมื่อบริษัทก้าวหน้ามาจนถึงจุดสุดยอดหนึ่งแล้ว  มันก็สามารถเดินได้ด้วยตนเอง  และความสามารถของผู้บริหารเองก็อาจจะไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนัก


--------------------------------------------
ธุรกิจสื่อสารมวลชน 
การเกิดขึ้นของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง  กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กสทช.
(การผูกขาด  ของสื่อที่มีมานานในประเทศไทยหมดหรือเกือบหมดไป )
ต้นทุนของการสื่อสารต่ำลงไปมากในขณะที่คุณภาพของภาพและเสียงกลับสูงขึ้นมาก
การแข่งขันที่จะ แย่งผู้ชม  จะรุนแรงมาก  โดยที่กลยุทธ์สำคัญที่สุดในการดึงดูดคนดูก็คือ  การใช้  Content หรือเนื้อหาหรือข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับผู้เข้ามาชม


ขณะที่มีบริษัทและช่องทางใหม่ ๆ  เพิ่มขึ้นมากมายที่จะเข้ามาช่วงชิง  ตา  แต่จำนวน ตา  นั้น  กลับมีจำนวน  เท่าเดิม   ความหมายก็คือ  คนไทยนั้น  ไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือเพิ่มขึ้นน้อยมาก  เวลาที่จะใช้ตาเพื่อที่จะ ดู  ก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นมากนัก


แต่ผู้ให้บริการกลับมีเพิ่มขึ้นซึ่งจะต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก   ผลก็คือ  ถ้ามองในแง่ของอุตสาหกรรมโดยรวมแล้ว  ก็น่าจะเป็นว่า  กำไรของอุตสาหกรรมจะลดลง  ถ้ามองในรายละเอียดต่อไปก็น่าจะเป็นว่า  ผู้เล่นที่มีอยู่เดิมที่อยู่ในสภาวะผูกขาดหรือกึ่งผูกขาด   น่าจะมีกำไรน้อยลงเพราะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามา แย่ง  หรือแบ่ง  ลูกตา  หรือลูกค้าไปบ้าง  ส่วนรายใหม่ที่เข้ามานั้น  รายที่ประสบความสำเร็จสูงก็อาจจะได้กำไร  แต่หลายรายที่น่าจะมีจำนวนมากกว่าก็จะขาดทุน
 สิ่งที่รายใหญ่สามารถทำได้ก็คือ  การเพิ่มราคาค่าโฆษณา  ซึ่งทำให้กิจการสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำเนื่องจากต้นทุนการผลิตและส่งรายการยังเท่าเดิม 
ประเด็นสำคัญก็คือ  สถานีจะต้องรักษาคุณภาพหรือ Content ของรายการให้สามารถดึงดูดมวลชนจำนวนมากให้ได้ต่อเนื่องยาวนาน   ในช่วงแรก ๆ  นั้นผมคิดว่าปัญหายังไม่มาก  แต่เมื่อเวลาผ่านไป  ผมเชื่อว่าผู้ชมก็จะค่อย ๆ  กระจายความสนใจในรายการหลากหลายขึ้นเรื่อย ๆ  เมื่อพวกเขาพบทางเลือกใหม่ ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น  ผลก็คือ  ผลประกอบการของทีวีช่องใหญ่ ๆ  น่าจะค่อย ๆ  ปรับตัวลดลงและอาจจะกลายเป็น  ตะวันตกดิน ได้


ทีวีช่องใหม่ ๆ  ที่กำลังเกิดขึ้นมากมายนั้น  จุดขายก็คือ  แย่งชิงผู้ชมที่มีความสนใจเฉพาะอย่าง  เช่น  ชิง  ตาของวัยรุ่น   เช่น  ทำสถานีเพลงที่โดดเด่น
แต่ไม่ว่าในกรณีใด  ความแน่นอนของผลประกอบก็อาจจะไม่สูงนัก  เหตุผลก็คือ  ธุรกิจนี้จะมีการแข่งขันสูงและมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น