วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ความหมายของ PE Ratio
1.PE สำหรับปีที่ผ่านมาเราจะใช้ ราคาปัจจุบันหารด้วยกำไรต่อหุ้นในปีที่ผ่านมา
2.PE สำหรับปีปัจจุบันเราจะต้อง ประเมินกำไรต่อหุ้นในปีปัจจุบัน แล้วเอาราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยกำไรต่อหุ้นที่ประเมินได้
ที่เราควรใช้คือ PE ปีปัจจุบัน ซึ่งจำเป็นต้องประเมินกำไรต่อหุ้นไปจนถึงสิ้นปี ความยากก็อยู่ที่การประเมินกำไรต่อหุ้นนี่แหละ
P0 = E1/k + PVGO
E1 = กำไรต่อหุ้นในปีนั้นๆ
k = ต้นทุนเงินลงทุนของเรา
PVGO = มูลค่าปัจจุปันของโอกาสในการเติบโต
เอา E หรือกำไรต่อหุ้นเข้ามาหาร
P0 / E1 = 1/k + PVGO/E1
บริษัทที่เรามองไม่เห็น การเติบโตเลย ค่า PE จะเท่ากับ 1/k หรือ ราคาหุ้นจะมีมูลค่าเพียง กำไรต่อหุ้นหารด้วยต้นทุนเงินลงทุนของเรา (P = E/k) หุ้นที่ไม่โตจะเห็นPEต่ำๆเพราะไม่มีมูลค่า ปัจจุบันของการเติบโตมารวม


หาก หุ้นบริษัทหนึ่งบริษัทใดมีค่าPEสูง อยู่นั่นอาจหมายถึงหุ้นบริษัทนั้นมีโอกาสที่จะเติบโตสูงรวมอยู่ในการคิดค่าPE แล้ว


อีก ปัจจัยที่กำหนดค่า PE Ratioให้สูง ให้ต่ำนั่นคือค่าความเสี่ยง ซึ่งสะท้อนผ่านค่า k หรือต้นทุน เงินลงทุน เพราะถ้าเห็นว่าเสี่ยงมากนักลงทุนจะคิดค่า k สูงๆ ทำให้ค่าPEลดต่ำลง และถึงแม้ว่าหุ้นบริษัทนั้นจะมีโอกาสในการเติบโตสูงแต่ถ้าค่าเสี่ยงสูงด้วย ค่าPVGOนั้นจะต่ำเพราะถูกคิดลดความค่าkที่สูง ด้วยเช่นกัน


ค่าPE Ratio ที่สูงหรือต่ำถูกกำหนด ด้วย กำไรในแต่ละปี อัตราการเติบโตของกระแสเงินสด 
ฉะนั้นหน้าที่ที่สำคัญของนักลงทุนที่ ต้องการผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาด คือจะต้องค้นหาหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของยอดขาย กำไร กระแสเงินสดได้สูงอย่างต่อเนื่อง ความเสี่ยงในการลงทุนที่ต่ำ แต่มีPEที่ไม่สูงจนเกินไป โดยเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโต ความสามารถในการทำกำไร ซึ่งทั้งหมดนี้เราจะต้องวิเคราะห์กิจการอย่างละเอียดรอบครอบ
---------------------------------------------------------------
Book Value คือ มูลค่าตามบัญชี
ซึ่งก็คือมูลค่าส่วนผู้ถือหุ้น หรือถ้าความหมายจริงๆก็คือ มูลค่าของทรัพย์สินที่หักด้วยหนี้สินแล้ว เหลือเป็นมูลค่าของผู้ถือหุ้นเท่าไร 
การลงบัญชีนั้นแต่ละบริษัทอาจบันทึกสินทรัพย์และหนี้สินแตกต่างกันไป เช่นสินทรัพย์ถูกกำหนดให้บันทึกมูลค่าที่ราคาทุน คือราคาที่ได้สินทรัพย์นั้นมา บางบริษัทมีที่ดินที่บันทึกไว้เมื่อ 20ปี ที่แล้ว พอมาถึงปัจจุบันมูลค่าของที่ดินเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว แต่มูลค่าที่บันทึกลงในบัญชีนั้นยังมีมูลค่าเท่ากับเมื่อ20ปี ที่แล้ว หากไม่มีการประเมินมูลค่าและบันทึกบัญชีใหม่มูลค่าก็ยังคงบันทึกเอาไว้เท่า เดิม


มูลค่าทางบัญชีนี้ถ้าหากเราเข้าใจลึกซึ้งก็สามารถช่วยให้เราค้นพบบริษัทที่น่าลง ทุนได้ไม่ยาก
ยกตัวอย่างเช่น บริษัทมีเครื่องจักรผลิตสินค้าอยู่เครื่องหนึ่ง สามารถผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี พอเวลาผ่านไป มีผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันออกมาขายมากๆเข้า ผลกำไรที่เคยมีกลับกลายเป็นผลขาดทุน บางบริษัทคู่แข่งทนไม่ไหวเลิกกิจการไประหว่างยังขาดทุน ส่วนบริษัทยังทนผลิตสินค้าต่อไป แน่นอนราคาหุ้นของบริษัทคงต้องตกลงมาอย่างหนัก และถ้าหากตกลงมามากๆเมื่อเทียบกับมูลค่าของเครื่องจักรแล้วละก็ดูให้ดีๆเลย ครับ เพราะถ้าเราสร้างเครื่องจักรใหม่อาจต้องใช้เงินทุนมากกว่าราคาหุ้นตอนนั้น แน่นอน ฉะนั้นหุ้นของบริษัทนั้นจึงถือได้ว่าถูกมากๆเมื่อเทียบกับราคาที่จะต้องไปลง ทุนสร้างเครื่องจักรใหม่ เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีตที่ราคาหุ้นปิโตรเคมีบางบริษัทต่ำ กว่ามูลค่าทางบัญชี และต่ำกว่ามูลค่าสร้างโรงงานใหม่มาก พอธุรกิจกลับมาเริ่มมีกำไร ราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นหลายเท่าตัว
PBV = P0 / Book Value  , Book Value = Equity (ส่วนผู้ถือหุ้น)
เอากำไรสุทธิหรือ Net income หรือ Earning เข้ามาคูณและหารไปพร้อมๆกัน
PBV = (Price x Earning) / (Equity x Earning)
PBV = PE x ROE
ROE นั้นค่านี้บอกเราว่าบริษัทเอาเงินทุนที่ได้จากผู้ถือหุ้นไปลงทุนแล้วสร้างผล ตอบแทนได้คุ้มค่าหรือไม่
-----------------------------------------------------------
หุ้นที่ PBV มีค่าสูงค่าต่ำนั้นบ่งบอกอะไร บ้าง
1.หุ้นที่ PBV ต่ำ PE สูง ROE ต่ำ เป็นหุ้นที่อาจมีมูลค่าเกินพื้นฐานไปแล้ว เพราะPEสูงแต่กลับ ให้ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นต่ำ มันจึงมาสะท้อนออกที่ PBV
2.หุ้นที่ PBV ต่ำ PE ต่ำ ROE สูง อาจเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง (สะท้อนออกทาง PE) หรืออาจจะมีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน อันนี้ต้องเข้าไปดูรายละเอียดการดำเนินงานของบริษัท ถ้าธุรกิจดี ไม่เสี่ยงอย่างที่ตลาดคิดก็น่าลงทุนมาก
3.หุ้นที่ PBV สูง PE สูง ROE ต่ำ หุ้นแบบนี้อันตรายมาก เพราะผลตอบแทนผู้ถือหุ้นต่ำ PE กลับสูง และเชื่อว่าต้องสูงมากถึงสามารถดึง PBV ให้สูงตามไป ด้วย
4.หุ้นที่ PBV สูง PE ต่ำ ROE สูง หุ้นแบบนี้อาจเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง หรือความไม่แน่นอนของการทำกำไรไม่แน่นอน หรือบางครั้งราคาสูงเกินมูลค่าไปแล้วก็ได้ เพราะผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสูงมาก แต่ PEกลับต่ำมาก การที่ROEสูงอาจเป็นเพราะมี หนี้สินมากกว่าทุนมากๆก็ได้ แน่นอนครับว่าหนี้สินมากๆก็นำมาซึ่งความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น