วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


Valuation 

              การประเมินมูลค่าสินทรัพย์ทุกอย่างในโลก นี้หาได้จากการคิดลดกระแสเงินสดในอนาคต (Discounted Future Cash flow) สินทรัพย์ใดๆจะมีมูลค่าได้นั้น สินทรัพย์นั้นจะต้องสามารถสร้างกระแสเงินสดให้แก่เจ้าของได้ในอนาคต สำหรับหุ้นของบริษัทจดทะเบียนก็เช่นเดียวกัน จะมีมูลค่า(เพิ่มจากมูลค่าตามบัญชี)ได้ บริษัทนั้นจะต้องสามารถสร้างเงินสดในอนาคตให้แก่ผู้ถือหุ้นได้สูงกว่าต้นทุน ของเงินสดที่ผู้เอามาซื้อหุ้นในวันนี้ได้
              หุ้นบางบริษัทที่ PE Ratio ต่ำบางที่มันก็ต่ำอยู่อย่างนั้นไม่เห็นมันสูงขึ้นเลยเป็นเวลานาน บางบริษัท PE Ratio สูง มันก็สูงอยู่อย่างนั้นไม่ค่อยลงมาให้ซื้อกันถูกๆซะที ทำไมละครับ?ถ้าหากเราเข้าใจว่า PE Ratio มันไม่ใช่แค่เอาราคาปัจจุบันของหุ้นหารด้วยกำไรต่อหุ้น
ที่มาของ
   เงินลงทุนเริ่มต้น
การจะได้มาซึ่งสินทรัพย์นั้นเราต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อมา ฉะนั้น เราก็จำเป็นที่จะต้องพิจารณาว่าเงินที่เราจ่ายไปนั้นจะทำให้เราได้รับผลตอบ แทนที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่
     ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดในอนาคต
สมมุติ ว่ามีคนมาเสนอที่ดินให้เราให้เราเลือกสองแปลง แปลงหนึ่งอยู่ในซอยลึก อีกแปลงหนึ่งติดถนนใหญ่ เราคาดได้แน่นอนเลยว่า แปลงที่ติดถนนใหญ่จะต้องมีราคาสูงกว่าแน่นอน เพราะหากเราเอาที่ดินไปสร้างที่พักให้เช่า แน่นอนว่าเราสามารถตั้งราคาค่าเช่าในที่ดินที่อยู่ติดถนนและสามารถหาคนพัก ได้เต็มเร็วกว่าทำที่พักในที่ดินที่อยู่ลึกเข้าไป ฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่าที่ดินทั้งสองแปลงนี้มีความสามารถในการสร้างกระแสเงิน สดในอนาคตได้ไม่เท่ากัน ราคาที่ดินจึงต่างกัน ฉนั้นด้วยเหตุผลเดียวกัน บริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวจึงมีแนวโน้มที่จะสร้างกระแส เงินสดในอนาคตได้สูงกว่าบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันต่ำ
    ความไม่แน่นอนในการสร้างกระแสเงินสดและการเติบโตในอนาคตในอนาคต
ถ้า ที่ดินที่อยู่ในซอยลึกนั้นอาจโชคดีมีถนนตัดผ่าน หรืออาจมีโครงการรถไฟฟ้าผ่านเข้ามาในอนาคต ที่ดินแปลงดังกล่าวอาจมีราคาสูงกว่าแปลงที่ดินถนนเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าโครงการนั้นอาจจะยังเป็นเพียงแผนงานในอนาคตซึ่งไม่แน่ว่ารัฐจะทำ โครงการดังกล่าว หรือ ถ้าที่ดินที่ติดถนนใหญ่นั้นหากเราสร้างที่พักไปแล้วให้เช่าได้เต็ม แต่ก็ไม่แน่ว่าเราจะสามารถเก็บค่าเช่าได้สูง หรือมีคนมาเช่าได้เต็มตลอดเวลาในอนาคต เพราะอาจมีคนมาสร้างที่พักในบริเวณใกล้กันนั้นกลายเป็นคู่แข่งกับเราไป และเราก็อาจไม่สามารถปรับราคาค่าที่พักขึ้นได้ในอนาคต ทั้งหมดนี้คือความไม่แน่นนอนว่าสินทรัพย์ของเรานั้นจะสร้างกระแสเงินสดได้ดี ในอนาคต และความไม่แน่นอนนี้เองที่เรารู้จักกันในชื่อว่าความเสี่ยง
    ต้นทุนของเงินลงทุน
หลายท่านอาจจะบอกว่า ถ้าเราเอาเงินเย็นๆของเรามาลงทุน เงินนั้นจะไปมีต้นทุนอะไร แต่อย่าลืมว่าถ้าเราเอาเงินที่จะลงทุนสร้างที่พักนั้นไปทำอย่างอื่น เราอาจจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แน่นอนกว่า ตรงนี้เองที่เรียกว่าต้นทุนค่าเสียโอกาส และถ้าเราต้องกู้เงินมาลงทุนด้วยแล้วยิ่งเห็นชัด เพราะเราต้องเสียดอกเบี้ย และดอกเบี้ยนี่เองคือต้นทุนของเงินกู้
    ค่าของเงินตามเวลา
คนทุกคนถ้าเป็นไปได้จะต้องการ เงินสดในวันนี้มากกว่าที่จะต้องรอเพื่อจะได้รับเงินสดในวันหน้า เพราะเนื่องจากเงินในอนาคตนั้นอาจจะมีมูลค่าลดลงในอนาคตได้ ถ้าไม่เชื่อลองคิดดูว่า เมื่อก่อนเราซื้อไข่ฟองละเท่าไร บัดนี้ซื้อไข่ฟองละเท่าไร แน่นอนแพงขึ้น แต่ขอบอกว่าของไม่ได้แพงขึ้น แต่เงินลดมูลค่าลง ฉะนั้นยิ่งระยะเวลานาน เงินนั้นยิ่งมีมูลค่าลดลง ถ้าเปรียบกับกระแสเงินสดในอนาคตที่ได้จากสินทรัพย์ ยิ่งเวลานานเท่าใดเรายิ่งได้เงินที่มูลค่าลดลงไปตามเวลาเท่านั้น

มูลค่าของสินทรัพย์ = – เงินลงทุนเริ่มแรก กระแสเงินสดในอนาคต x (อัตราการ เติบโต)
- ต้นทุนของเงินลงทุน – ความไม่แน่นอน
-เงินลงทุนเริ่มแรกเป็นเงินที่เราจ่ายออกไป ดังนั้นจึงมีค่าเป็นลบ
-กระแสเงินสดในอนาคตและอัตราการเติบโตเกิดจากการประมาณการ
ต้นทุนเงินลงทุนนั้นจะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับความไม่แน่นอน ยิ่งความไม่แน่นอนสูง เราก็ต้องเผื่อค่านี้เอาไว้มากๆ ฉะนั้น ต้นทุนของเงินลงทุน – ความไม่แน่นอน นี้สะท้อนถึงความเสี่ยง
Value of asset, Va       =  – Int. Inv. + CF (1+g)
(r – g)
การคิดลดกระแสเงินสด, Discounted Cash flow
ถ้าเราเอามาใช้กับการลงทุน ตัวแปรต่างๆก็จะถูกแทนค่าดังนี้
มูลค่า หุ้น = – ราคา หุ้น + กระแสเงินสด ที่ได้รับจากหุ้น อัตราการเติบ โตของผลตอบแทน
ต้นทุนเงินทุนของผู้ลงทุน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น